เคยเห็นพระเอกการ์ตูนที่เป็นกลาสีเรือชื่อป้อปอายกันบ้างไหม พอถึงเวลาคับขันต้องการพลังพิเศษมาช่วยเหลือใครต่อใครก็จะเปิดกระป๋องทานผักขม แขนท่อนล่างจะขยายใหญ่ขึ้นมาทันที กลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของป้อปอาย 

ตามปกตินั้นการตีแบ็คแฮนด์จะได้แรงจากการสะบัดมือน้อยมากเพราะกล้ามเนื้อที่ช่วยในการสะบัดข้อมือไม่มีแรงเท่ากับกล้ามเนื้อจากแขนท่อนบนและหัวไหล่ จึงแนะนำว่าสำหรับนักปิงปองมือใหม่ไม่ควรฝึกตีแบ็คแฮนด์โดยมุ่งใช้แรงจากการสะบัดข้อมือเป็นหลัก แต่ให้ข้อมือสะบัดเข้าแล้วออกไปเองตามแรงเหวี่ยงแขน

ถ้าใครมีกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้เพื่อสะบัดข้อมืออ่อนแรง แล้วโดนตบอัดเข้ามาแรงๆ จะไม่สามารถโต้แบ็ดแฮนด์แรงๆกลับไป หรืออาจทำให้ข้อมือรับแรงไม่ไหวจนบาดเจ็บขึ้นมาก็ได้

 

ArmPopeye

 

คนที่อยากฝึกตีแบ็คแฮนด์ให้มีพลังเหมือนกับ Ma Long, Fan Zhendong, หรือ Harimoto ท่าทางที่เลียนแบบได้เหมือนยังต้องอาศัยท่อนแขนล่างที่มีกล้ามเนื้อแบบป้อปอายด้วย โดยเฉพาะ Harimoto ที่ยังเป็นเด็กก็ยังฝึกฝนตัวเองจนมีกล้ามเนื้อที่แขนท่อนล่างเป็นมัด กลายเป็นอาวุธที่ใช้เอาชนะ Ma Long ทำให้หลงทางรับลูกไม่ถูกทิศไปเลย 

 

HarimotoBkhand

https://youtu.be/mBGz6g7EF5I

 ArmMuscle
https://breakingmuscle.com/fitness/7-exercises-to-maximize-hand-wrist-and-forearm-strength

 

ส่วนวิธีการสร้างเสริมกล้ามเนื้อแขนท่อนล่างให้มีพลังแบบป้อปอาย นอกจากหมั่นทานผักขมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังมีท่าออกกำลังอีกด้วยตามวิดีโอนี้

 

ForearmExerciseshttps://youtu.be/CLjtSyuE11I - ตอนที่ 1
https://youtu.be/eXfBnivGMxM - ตอนที่ 2
https://youtu.be/ngUPvfQJVW0 - ตอนที่ 3

 

ท่าตีปิงปองมักถูกแบ่งออกเป็น 5 จังหวะ เริ่มจาก จังหวะเตรียมพร้อม (ready stance) จังหวะอัดแรง (back swing) จังหวะปล่อยแรง (forward swing / forward movement) จังหวะไม้กระทบลูก (impact / strike) และจังหวะตาม (follow through) โดยเฉพาะจังหวะตามหรือ follow through นั้น นักปิงปองมือใหม่มักไม่ยอมทำเพราะกลัวว่าจะตีลูกต่อไปไม่ทัน โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อทิ้งน้ำหนักมาเท้าหน้าแล้วจะช่วยให้มีแรงดีดกลับมาเพื่อตีลูกต่อไปได้เร็วขึ้น อีกทั้งเมื่อเหวี่ยงไม้ตามไปข้างหน้าจะช่วยทำให้ตีลูกได้แม่นยำขึ้นและท่าทางการเคลื่อนไหวจะนุ่มนวลมากขึ้น

นอกจากการถ่ายน้ำหนักตัวกลับมาที่เท้าหลังแล้ว เคยสงสัยกันไหมว่า พอปล่อยแรงเหวี่ยงแขนตีออกไปแล้ว จะเหวี่ยงแขนย้อนกลับมาเพื่อตีลูกต่อไปด้วยท่าใด ใช้วงแบบใด ส่วนมากมักเห็นนักปิงปองใช้ท่าเดียวกับการเหวี่ยงแขนออกไป เหวี่ยงแขนไปข้างหน้าแบบใดก็จะเหวี่ยงแขนกลับมาโดยใช้วงเหวี่ยงในวงเดิม

จังหวะที่ 6 ที่ลืมนึกถึงกันก็คือ จังหวะย้อนกลับมาสู่เตรียมพร้อม (recovery) มาดูวิดีโอของ Koki Niwa ว่าเขาใช้วงเหวี่ยงแบบที่ว่านี้หรือไม่

 

KokiNiwaSwingVDOhttps://youtu.be/dwGha2KsRMo

KokiNiwaSwing

 คลิกที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

ดูกันดีๆจะเห็นว่าเขา-ไม่ได้-เหวี่ยงไม้กลับมาในวงเดียงกันกับวงที่เหวี่ยงออกไป แต่จะลากไม้กลับเข้าหาลำตัวเพื่อลดรัศมีของแขนลงก่อน กลายเป็นท่าเตรียมพร้อมสำหรับตีลูกถัดไป พร้อมที่จะตีต่อไม่ว่าลูกจะส่งกลับมาตามทิศทางเดิมหรือไม่ เรื่องนี้เคยนำเสนอวงของ Wang Liqin แชมป์โลกหลายสมัยให้ดูกันแล้วว่าใช้วงเหวี่ยงกลับมาแบบเดียวกับ Koki Niwa เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีคำแนะนำให้เหวี่ยงไปกลับในวงเดิมก็ได้ตามวิดีโอนี้ แต่ลองนึกกันเองว่า หากลูกปิงปองไม่ได้ย้อนกลับมาในทิศทางเดิมจะทำอย่างไรต่อ

 

swing123https://youtu.be/15jlvjvkhmQ

 

แทนที่จะใช้วงเหวี่ยงแบบตามใจชอบ ควรเรียนรู้ถึงสาเหตุกันดีกว่า เชิญศึกษารายละเอียดได้จาก https://www.tabletennistip.com/pinpong-players/training/148-back-swing

ต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อนครับ เพื่ออ่านเคล็ดลับนี้

หากหลับตาแล้วฟังเสียงนักปิงปองที่ผ่านการฝึกเบสิคมาอย่างดีซ้อมตีลูกกันไปมา เสียงที่ลูกปิงปองกระทบไม้จะเพราะเหลือเกิน เสียงที่ไพเราะก้องกังวานนั่นแสดงว่า นอกจากตีลูกโดนจุดกลางไม้ที่เรียกว่า Sweet Spot แล้ว ลูกปิงปองที่วิ่งมากระทบไม้จะอยู่บนหน้าไม้ในระยะเวลานานอย่างพอเหมาะ ซึ่งเรียกว่า Dwell Time ลูกปิงปองจะกระเด้งออกจากไม้ไปโดยใช้ประสิทธิภาพของเนื้อยางและเนื้อไม้อย่างมีคุณภาพเต็มที่ พอลืมตาขึ้นมองดูก็ยังพบว่า เขาตีลูกปิงปองกันไปมา ลงปลายโต๊ะใกล้เส้นหลัง และลงตำแหน่งเดิมแทบทุกลูก ส่วนตัวนักปิงปองก็ดูเหมือนขยับตัวเหวี่ยงแขนเพียงเล็กน้อย แต่สามารถส่งลูกออกไปได้แรงทีเดียว

ถ้าคุณอยากทำได้แบบที่ว่านี้ เริ่มต้นต้องฝึกเดาะลูกปิงปองกันจนกว่าลูกปิงปองจะกระเด้งขึ้นไปได้ตรงๆ ไม้ไม่ส่ายไปส่ายมา ไม่ต้องเลื่อนไม้ตามไปซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่ต้องขยับตัวตามลูกไปเรื่อยๆ ฝึกไปฟังเสียงไปด้วยว่าได้ยินเสียงลูกกระทบไม้หรือว่าได้ยินแต่เสียงไม้กระทบลูก รู้สึกถึงแรงของลูกที่ตกลงมาบนหน้าไม้แล้วหรือยัง ไม่ใช่ว่ารู้แค่ว่าออกแรงเดาะลูกขึ้นไป

พอฝึกเดาะลูกคล่องแล้ว ค่อยๆเพิ่มความสูงของลูกขึ้นไปเรื่อยๆ จากนั้นลองเดาะลูกไปมากับเพื่อน เริ่มจากยืนใกล้กันแล้วห่างออกไปเรื่อยๆ พอฝึกเสร็จให้ดูรอยฝุ่นบนหน้ายางว่าอยู่ตรงกลางหน้าไม้หรือไม่

พอลงสนามฝึกตีโต้กันไปมา อย่าเพิ่งรีบร้อนเล่นลูกหมุนหรือตีเร็วหรือแรงใส่กัน ควรมุ่งฝึกท่าทางการขยับตัวและแขนให้ได้จังหวะที่ดีก่อน มุ่งส่งลูกให้แม่นยำทุกลูก ซึ่งในจังหวะที่ไม้กระทบลูกนั้น แม้วงสวิงจะเป็นวงโค้งก็ตาม ถ้ามองภาพจากด้านบนลงมา หน้าไม้ต้องตั้งฉากกับทิศทางที่จะส่งลูกออกไป และในจังหวะที่ลูกอยู่บนไม้ให้เคลื่อนไม้เป็นเส้นตรงระยะทางสั้นๆตามไปด้วย

Accurate

ความแม่นยำยังขึ้นกับอีกหลายอย่าง การตั้งท่ามั่นคงหรือไม่ หน้าไม้นิ่งในจังหวะที่ไม้กระทบลูกหรือไม่ วงเหวี่ยงยิ่งลดรัศมีลงจะยิ่งช่วยทำให้แม่นยำมากขึ้น และสำคัญที่สุดต้องมีความตั้งใจที่จะตีไปยังเป้าหมายที่ต้องการ

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก

https://www.tabletennistip.com/pinpong-players/training/221-precision-vs-accuracy

เคยสงสัยไหมว่าทำไมนักกีฬาชั้นนำจึงสามารถตีเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำทุกลูก ไม่ว่าจะเป็นกอล์ฟ ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล บาสเกตบอล เทนนิส หรือปิงปอง ตัวนักกีฬาเองมักตอบว่าเพราะตัวเองฝึกฝนมามาก แต่ทำไมคนอื่นที่ฝึกแล้วฝึกอีก ทำอย่างไรก็ยังไม่แม่นอยู่ดี จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์เชิญนักกีฬามือหนึ่งมาทดสอบวิธีที่เขามองลูกบอลนั่นแหละ จึงพบว่าเขาเหล่านี้ใช้วิธีหนึ่งที่เหมือนกันอย่างไม่รู้ตัว นั่นคือการใช้ Quiet Eye นั่นเอง

ตามปกติเราถูกสอนให้มองลูกปิงปองตลอดเวลาใช่ไหม ถ้าใครสอนแบบนี้ต้องถามกลับไปว่า ถ้าเอาแต่มองลูกปิงปองแล้วไม่ต้องมองคู่ต่อสู้บ้างหรือยังไง ถ้ามองลูกปิงปองบ้าง มองคู่ต่อสู้บ้าง ส่วนโต๊ะปิงปองล่ะต้องมองด้วยไหม

ที่ถูกต้องนั้น การมองลูกปิงปองให้มองในช่วงที่คู่ต่อสู้ตีลูกออกมาหาเรา ส่วนตอนที่เราตีลูกออกไปจากไม้แล้วเราไม่ต้องมองที่ลูกปิงปองต่อไปอีก แต่ให้มองที่คู่ต่อสู้แทนว่าเขาจะตีโต้กลับมาอย่างไร ขอให้อ่านรายละเอียดได้จากบทความเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างศีรษะ ตา และมือ

ส่วน Quiet Eye ที่ว่านี้คือตอนที่ไม้กระทบลูก ให้คงสายตาจ้องไว้ที่ตำแหน่งเดิมต่อไปอีกระยะหนึ่งแม้ลูกจะกระเด้งออกจากไม้ปิงปองไปแล้วก็ตาม อย่าเคลื่อนการมองไปที่อื่น

นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า ก่อนที่จะตีลูกให้มองไปที่เป้าหมายตำแหน่งบนโต๊ะที่จะตีลูกปิงปองไปลงไว้ก่อน จากนั้นให้ย้ายการมองกลับมาที่ลูกที่กำลังลอยมาหา พอตีลูกออกไปแล้วก็ไม่ต้องมองตามลูกออกไป แต่ให้มองค้างไว้ที่ตำแหน่งเดิมไว้สักระยะหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองคู่ต่อสู้ 

xuxin eye

 XuXinQuierEye01

XuXinQuierEye02

XuXinQuierEye03

 https://youtu.be/sFVBuMnITuM

การที่เหลือบมองเป้าหมายไว้ก่อนเท่ากับว่า เราไม่ได้ตีกลับไปแบบมั่ว แต่เป็นการตั้งใจว่าจะตีไปที่ตำแหน่งนั้น จากนั้นพอมองตามไว้ที่ลูก และคงตำแหน่งการมองไว้ที่เดิมแม้จะตีลูกออกไปจากไม้ไปแล้วก็ตาม เท่ากับการกำหนดจิตให้มีสมาธิ ไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีกนอกจากลูกปิงปอง สมองของเราจะจัดการประมวลคำสั่งให้ตีลูกออกไปยังเป้าหมายให้เอง 

liqin eye

GAZE CONTROL DURING THE HITTING PHASE IN TENNIS

QuietEyehttps://youtu.be/Qsnxw8S6haw

 

หลายคนยังสับสนระหว่างท่าเตรียมพร้อมกับท่าตี FH ว่าควรจะวางเท้าอย่างไรดี

ท่าเตรียมพร้อมอาจวางเท้าขนานกับขอบหลังของโต๊ะหรือจะวางเท้าขวาห่างจากขอบโต๊ะมากกว่าเท้าซ้ายเพื่อเตรียมตี FH

 

FHStance

MaLong

hqdefault 2

 

ขอให้สังเกตภาพเหล่านี้เพื่อดูว่า ในการตี FH เขาวางเท้าขวาไว้หลังเท้าซ้ายกันมากน้อยขนาดไหน แปรตามระยะใกล้ไกล กับทิศทางที่ต้องการตีอย่างไร

อย่าดูแค่เทียบแนววางเท้ากับแนวขอบโต๊ะนะครับ

ควรวางเท้าขวาไว้หลังเท้าซ้ายเพื่อช่วยในการถ่ายน้ำหนักส่งแรงเข้าหาลูก ตามทิศทางที่ต้องการส่งลูกออกไปได้เต็มที่

 

forest

 

ท่าวางเท้าแบบ Forest Gump จะทำให้กระดูกสันหลังรับภาระในการรับแรงที่ส่งไปแล้วดึงกลับมาตีลูกต่อไปอย่างมาก อนาคตต้องปวดหลังแน่นอน

“ทำเพื่อชาติ” คำนี้หลายคนต้องนึกถึงทหาร แต่ถ้านำไปค้นหาจากอากู๋ (google) กลับพบว่าเป็นคำที่ใช้ในหมู่นักการเมืองกับนักกีฬาเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักกีฬาทีมชาติเวลาถูกสัมภาษณ์ออกข่าวทางทีวีก็จะเห็นประโยคที่พูดให้คนไทยได้ยินกันเสมอว่า “จะแข่งขันให้ดีที่สุดเพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย” นักปิงปองบางคนถึงกับถือว่าการเล่นปิงปองเป็นการทำหน้าที่เหมือนเป็นงานอย่างหนึ่งทีเดียว

 

ForThai

 

อย่าว่าแต่นักกีฬาเลย ใครก็ตามที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ มักมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้ค่าเบี้ยเลี้ยง ได้ออกข่าว ถือเป็นโอกาสที่น้อยคนนักจะได้รับ เด็กที่ได้เที่ยวด้วยแถมได้ค่าขนมด้วยก็พากันติดใจ ไม่อยากจะสูญเสียโอกาสดีแบบนี้จึงพยายามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศต่อไปให้นานที่สุด โดยลืมนึกไปว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องอำลาการทำเพื่อชาติแล้วนะ

รุ่นพี่อดีตนักปิงปองทีมชาติหลายคนเล่าให้ฟังว่า เขาเองพอถึงเวลาต้องทำงานก็ต้องทำงาน ต้องหยุดเล่นปิงปองไปเลย จึงทำให้สามารถมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเช่นทุกวันนี้ ส่วนคนที่เล่นด้วยทำงานไปด้วยมักไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานมากนัก เว้นแต่เขามีกิจการของครอบครัวของเขาเองอยู่แล้วก็ไม่ว่ากัน

ในการเข้าทำงานนั้น หัวหน้างานเขาอาจพูดทำนองว่า “ตามสบายนะ เชิญเล่นปิงปองต่อไปได้เลย จะได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ” แต่ไม่มีหัวหน้างานคนไหนหรอกที่จะเห็นว่าการเล่นปิงปองสำคัญกว่างานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ หัวหน้างานจะแอบดูว่า ลูกน้องของตนคนนี้ เขาคิดเองเป็นหรือไม่ เขาต้องรู้ตัวเองว่า เมื่อทำงานก็ต้องทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าคิดไม่เป็นเอาแต่เล่นปิงปองต่อไป ลางานไปแข่งบ้าง ออกก่อนเวลาไปฝึกซ้อมบ้าง ลูกน้องแบบนี้มีหัวหน้าที่ไหนบ้างจะอยากได้

ถ้ายังอยากจับปลาสองมือ เล่นไปด้วย ทำงานไปด้วย ในที่สุดก็จะแพ้วัยสังขารของตัวเอง พออายุมากขึ้นเล่นปิงปองไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน งานก็ไม่ก้าวหน้าเหมือนกับคนรุ่นเดียวกันเสียอีก

คุณเคยได้ยินคำสอนที่ว่า ให้เหวี่ยงไม้ตีลูก forehand พอกระทบลูกแล้วให้วงไม้ที่เหวี่ยงหยุดอยู่แค่ปลายคิ้วขวา เพราะถ้าเหวี่ยงไปไกลเกินกว่านี้จะย้อนกลับมาตีลูกถัดไปไม่ทัน นักปิงปองหน้าใหม่ฟังแล้วก็เลยใช้แต่แขนเหวี่ยงไม้ในการตีลูกปิงปอง พอกลับมาบ้านก็จะปวดเมื่อยแขนไปหมด อย่าว่าแต่นักปิงปองหน้าใหม่เลย แม้แต่คนที่ตีปิงปองมานานสามารถตีได้แรงและแม่นยำแล้วก็ตาม มีน้อยคนนักที่จะตีปิงปองได้แรงโดยออกแรงไม่ต้องมากก็ได้แรงแล้ว ทั้งนี้ต้องรู้จักการไล่ลำดับของการปล่อยแรง (momentum) ให้ถูกต้อง

ถ้าซูโม่ตัวใหญ่ปะทะกับซูโม่ตัวเล็กกว่า ซูโม่ตัวเล็กจะกระเด็นไปไกลเลยใช่ไหม

momentum1

คุณเคยนั่งรถที่เบรคกะทันหันแล้วตัวคุณเองจะโยกไปข้างหน้าแม้รถจะหยุดแล้วใช่ไหม

คุณเคยใช้ไขควงขันน้อตบ้างไหม ถ้าใช้ไขควงด้ามยาวๆจะไขได้ง่ายกว่าด้ามสั้นใช่ไหม

คุณเคยเห็นนักเสก็ตน้ำแข็งที่หมุนตัวเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อหดแขนและขาเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นใช่ไหม

icesketch

คุณเคยเห็นคนที่ใช้แซ่หวดปลายแซ่สะบัดบนอากาศเสียงดังเปรี้ยะบ้างไหม

ถ้าปล่อยให้ข้อมือไม่เกร็งแล้วเหวี่ยงแขน จะเห็นข้อมือสะบัดตามไปเองใช่หรือไม่ หรือยืนหมุนตัวโดยปล่อยแขนตามสบาย จะเห็นแขนเหวี่ยงออกไปเองใช่ไหม

 

SwingingtheArmshttps://youtu.be/BMqSy0SzBV4

 

loop-force2

 

หากต้องการใช้แรงให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดโดยออกแรงน้อยที่สุด ต้องรู้จักการไล่รีดแรงออกมาจากอวัยวะขนาดใหญ่ไปสู่อวัยวะส่วนย่อยที่มีมวลน้อยกว่า สมมติว่ากำลังจะตี forehand และได้อัดแรงทิ้งน้ำหนักไว้ที่ขาขวาและบิดสะโพกและเอวตามเข็มนาฬิกาอัดแรงไว้แล้ว ในการปล่อยแรงให้ไล่รีดแรงตามลำดับต่อไปนี้

  1. เริ่มต้นการถ่ายน้ำหนักจากขาขวาเพียงเล็กน้อย เมื่อลำตัวขยับจะทำให้สะโพกเริ่มขยับ
  2. ขยับสะโพกตามโดยหมุนสะโพกทวนเข็มนาฬิกาก่อน จะทำให้ลำตัวบนขยับตามไปเอง
  3. พอลำตัวบนเริ่มขยับ ให้ออกแรงหมุนลำตัวบน จะทำให้ท่อนแขนส่วนบนเริ่มขยับ
  4. พอท่อนแขนส่วนบนเริ่มขยับ ให้ออกแรงเหวี่ยงท่อนแขนส่วนบนเล็กน้อย จะทำให้ท่อนแขนส่วนล่างเริ่มขยับตาม
  5. พอท่อนแขนด้านล่างขยับ ให้เหวี่ยงแขนท่อนล่างโดยใช้ข้อศอกเป็นศูนย์กลาง แขนท่อนล่างจะขยับเร็วมาก
  6. พอแขนท่อนล่างขยับ หากลดรัศมีของวงเหวี่ยงลงทุกส่วน จะพบว่าแขนเหวี่ยงได้เร็วขึ้นมาก เหมาะสำหรับใช้ปั่นลูกให้หมุนมากๆ แต่ความแรงลูกที่ได้จะลดลง(ภาพนี้เป็นการตีเทนนิสที่มีหลักการเดียวกัน)
    swingradius
  7. ในจังหวะที่แขนเหวี่ยงเร็วที่สุดนั้น ให้สะบัดข้อมือตามออกไป
  8. ถ่ายน้ำหนักจากขาขวามาขาซ้ายเต็มที่ ไม้กระทบลูกในจังหวะที่ไม้เหวี่ยงเร็วที่สุด

    จะตีลูกได้แรงเต็มที่ต่อเมื่อในจังหวะที่ไม้กระทบลูกนั้น เคลื่อนโถมน้ำหนักตัวจากสะโพกขวาไปซ้ายพร้อมกันไป และเมื่อลำตัวเริ่มหันหน้าเข้าหาโต๊ะให้หยุดการหมุนของลำตัวเพื่อใช้แรงสะบัดจากหัวไหล่และแขน

  9. ทิ้งน้ำหนักแบบหมุนตัวไปตามวงเหวี่ยง อย่าถ่ายน้ำหนักไปไกลจนจุดศูนย์กลางของน้ำหนักตัว (Center of Gravity) เสียสมดุล
  10. ลำตัวกลับมาสู่สภาพเตรียมพร้อมในการตีลูกต่อไป 

 

แรงรวมจะมากที่สุดต่อเมื่อจัดลำดับการส่งต่อของแรงให้ได้จังหวะที่อวัยวะก่อนหน้านั้นเกิดแรงสูงที่สุด ตามภาพต่อไปนี้

SumofForces

 

เปรียบเทียบการเหวี่ยงแขนตามวิดีโอต่อไปนี้ นักปิงปองจีนใช้วงสวิงเหวี่ยงแขนกว้างแต่ใช้ข้อมือน้อย ส่วนนักปิงปองฝรั่งร่างกายมีมวลมาก ใช้วงสวิงแคบกว่าเพื่อช่วยให้ขยับตัวได้เร็วและใช้ข้อมือมากกว่า

 

ZhangJikeMultiBallhttps://youtu.be/I0V220bq-8c

MaLongFHTechniquehttps://youtu.be/Prs1FJ7pzeQ

TimoBollTrainingFHhttps://youtu.be/QqQjmiJnAhY

 

นอกจากนี้ยังมีแรงจากอีกส่วนหนึ่งที่ไม่เคยจะคิดใช้กัน นั่นคือการพลิกท่อนแขนจากหงายเป็นคว่ำ และถ้าใช้วงเหวี่ยงแขนให้ไม้ลงจากที่สูงมาต่ำตามแรงดึงดูดของโลก จะมีแรงเสริมเข้ามาอีก

บทความแนะนำ 
THE KINETIC CHAIN IN TENNIS : DO YOU PUSH OR PULL?

 

นักปิงปองไทยยุคนี้แทบทุกคนมีรูปแบบการตีเหมือนกัน ชอบฝึกตี topspin กันไปมาหรือไม่ก็ topspin ไปให้บล้อคกลับมา แต่น้อยคนนักที่จะรู้วิธี topspin เพื่อโต้กลับลูกที่ส่งมาแบบ backspin เพราะไม่ยอมฝึก push เพื่อส่งลูกแบบ backspin หนักบ้างเบาบ้าง หรือขาดคู่ซ้อมมือรับที่ตีลูก backspin เก่งๆ กลายเป็นจุดอ่อนของมือบุกที่เอาชนะได้แต่มือบุกเหมือนกันแต่กลับแพ้มือรับ

ครูจันทร์ ชูสัตยานนท์ สอนให้ฝึกตี backspin ทั้งลูกสั้นและลูกยาวไกลโต๊ะให้เป็นทุกคน โดยใช้ยางเรียบตามปกติที่ใช้กันนี่แหละ จะได้ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้อีกฝ่ายฝึก topspin กลับมาเป็นด้วย โดยในช่วงเริ่มแรกที่เพิ่งฝึก topspin ให้ตีลูกในจังหวะ 2-3 ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกกระเด้งสูงสุดหรือใช้จังหวะตก ถ้าเป็น backspin ที่หมุนหนักมากๆก็ต้องหงายหน้าไม้มากขึ้น สอดไม้เข้าใต้ลูกมากขึ้นในจังหวะที่ลูกตกลงมาเยอะก่อน แล้วใช้วงสวิงเหวี่ยงขึ้นไปข้างบนมากขึ้นตามแต่ว่าลูกหมุนมาแบบ backspin มากน้อยเพียงใด ให้ออกแรงจากขาช่วยการเหวี่ยงแขนขึ้นเพื่อปั่นลูกให้หมุนแบบ topspin มากๆกลับไปแต่ไม่ต้องใช้ข้อมือช่วย ทั้งนี้ต้องฝึกอ่านหน้าไม้ท่าทางการตีของคู่ฝึก เสียงที่ไม้กระทบลูก และลักษณะที่ลูกลอยมาให้ดีว่าเขาส่งลูก backspin มาหนักหรือเบา

การแนะนำให้เริ่มฝึกจากการเลือกให้ไม้กระทบลูกปิงปองในจังหวะที่ลูกตกและหงายไม้ จะช่วยเพิ่มโอกาสตีโดนลูกได้มากขึ้นและเมื่อลูกตกลงบนไม้จะกลิ้งออกแบบ topspin ที่ล้างแรงหมุนของลูกที่หมุนมาแบบ backspin ไปได้ในตัว

สังเกตลูก backspin หนักได้จากหน้าไม้ของคู่ซ้อมว่าตอนกระทบลูกใช้หงายหน้าไม้มากเพื่อตีใต้ลูกคล้ายๆการช้อนลูกกลับมา มีเสียงที่ไม้กระทบลูกค่อยไม่ดังก้องๆ ลูกวิ่งมาช้า เป็นวิถีโค้งมากหน่อย พอตกกระทบโต๊ะจะกระเด้งสั้นๆและแรงน้อยลง และตกลงใกล้ๆกับจุดที่ลงโต๊ะ ลูกหมุนเร็วจนไม่สามารถมองเห็นตรายี่ห้อบนลูก

 

TopspinVSBackspin 

 

อย่างไรก็ตามการตีลูกจังหวะตกต้องเคลื่อนตัวไปรอลูกให้ดี เพราะลูกที่ backspin มาพอกระทบโต๊ะก็จะช้าลงและมีมุมกระเด้งขึ้นที่ชันขึ้นแล้วตกลงมาใกล้ๆกับจุดที่ลูกกระทบโต๊ะนั่นเอง นักปิงปองต้องก้าวเท้าเข้าหาลูกให้ไวขึ้น และปรับหน้าไม้ให้หงายไว้ ซึ่งการหงายหน้าไม้มีประโยชน์อีกอย่างในการเพิ่มโอกาสที่วงเหวี่ยงไม้จะกระทบลูกที่ตกลงได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหงายหน้าไม้น้อยไปหรือคว่ำหน้าไม้เพื่อตีลูกจังหวะตกลงต่ำมาก อาจตีไม่โดนลูกปิงปองก็ได้ ดังนั้นถ้าคิดจะตีลูกจังหวะตก ต้องเลือกจังหวะที่ลูกเริ่มตกเท่านั้นและยังสูงกว่าระดับเน็ต ไม่ควรรอให้ตกลงไปเยอะๆก่อนจนลูกปิงปองต่ำกว่าระดับเน็ต เว้นแต่ต้องการรอเพื่ออ่านลูกที่หมุนมาให้มั่นใจก่อนว่าหมุนมาอย่างไรหรือรอให้ลูกหมุนช้าลงบ้าง

 

TopspinVSBackspin3

 

เมื่อวิเคราะห์แรงที่เกี่ยวข้องในกรณีที่หงายหน้าไม้เพื่อตีลูกจังหวะตก แรงที่ลูกตกเข้าหาไม้(เส้นสีฟ้า)จะกระเด้งออกไปในทิศข้างหน้าและมีมุมเงยขึ้นได้ต่อเมื่อปรับมุมหน้าไม้ให้หงายมาก ถ้าหงายน้อยไปจะทำให้แรงนี้มีมุมชี้ลง ทำให้ต้องออกแรงจากหน้าไม้มากขึ้นเพื่อสู้กับแรงจากลูกที่ตกกับแรงที่ลูกหมุน หากต้องการปั่นลูกให้หมุนมากกลับไปก็ต้องเหวี่ยงไม้ขึ้นข้างบน(เส้นสีน้ำตาล)เพื่อเฉี่ยวขอบลูก แต่มุมของแรงผลลัพธ์จะไม่เลียดเน็ต ทำให้ลูก topspin ที่ได้ค่อนข้างโด่งและลอยช้า ดังนั้นการตีลูก topspin จังหวะที่ลูกตกจึงเหมาะสำหรับการตีลูก slow loop ซึ่งใช้แรงไปกับการหมุนมากกว่าต้องการตีลูกให้ลอยกลับไปแรงๆและเร็วๆ

หากต้องการตีให้เร็วและแรงเพื่อฉวยโอกาสเปิดเกมบุก ควรฝึกตีลูก topspin สวนกลับลูก backspin ในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้นช่วงที่มีระยะความสูงกว่าเน็ตจนถึงจุดสูงสุดเพื่อตี loop drive หรือ loop kill

 

TopspinVSBackspin1

 

เมื่อตีลูกในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้น ไม่จำเป็นต้องหงายหน้าไม้อีกต่อไปเพราะแรงที่ลูกกระเด้งจากโต๊ะเข้าหาไม้จะกระเด้งออกจากไม้(เส้นสีฟ้า)เป็นมุมเงยชี้ขึ้นให้เอง เมื่อบวกกับแรงจากการตีหน้าไม้จะสู้กับแรงจากการหมุน backspin ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการคว่ำหน้าไม้ช่วยทำให้ออกแรงปั่นลูกให้หมุนแบบ topspin ได้ในตัว แรงผลลัพธ์มีมุมเงยเพียงเล็กน้อยเป็นลูกที่เลียดเน็ตยากที่คู่ต่อสู้จะบุกกลับ ถ้าออกแรงตีผ่านลูกไปข้างหน้าจะกลายเป็น loop kill หรือออกแรงไปข้างบนจะกลายเป็น loop drive

  • ถ้าตีแล้วลูกปิงปองพุ่งออกไม่ลงโต๊ะ ให้ปรับแนวการเหวี่ยงไม้ให้ไปข้างหน้ามากกว่าไปข้างบน
  • ถ้าตีแล้วติดเน็ต ให้ปั่นลูกปิงปองให้หมุนมากขึ้น

ต้องออกแรงเหวี่ยงไม้เข้าหาลูก และสะบัดหน้าไม้เพื่อสร้างความเร็วของหน้าไม้ที่จะปั่นการหมุนให้กับลูกปิงปองไว้ก่อนที่จะกระทบกับหน้าไม้ เพื่อทำลายอิทธิพลของลูกปิงปองที่หมุนมา (ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกปิงปองวิ่งเข้าหาไม้)

ต้องฝึก topspin ส่งลูกออกไปได้ทั้งสั้นและยาว แรงบ้างค่อยบ้าง เลียดบ้างโด่งบ้าง ผสมกับการหยอด เพื่อหาทางทำลายจังหวะของคู่ต่อสู้ที่ตี backspin มา อย่ามุ่งแต่ใช้แรงและความหมุนเพื่อเอาชนะเท่านั้น ถ้าเอาแต่ใช้แรงสู้เพียงอย่างเดียวแต่ขาดความหลากหลาย ในไม่ช้าตัวเองก็จะหมดแรง

ก่อนที่จะสอนใครหรือเรียนกับใคร ต้องเริ่มจากมีศรัทธากันก่อน พอศรัทธาแล้วย่อมเกิดความเชื่อมั่นในตัวผู้สอน ถ้าอยู่ดีๆเพิ่งรู้จักกันแล้วผลีผลามเข้าไปสอนหรือแนะนำว่าวิธีตีปิงปองที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ย่อมยากจะสร้างความเชื่อถือ ดีไม่ดีจะถูกด่ากลับมาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง หรือถูกคิดในแง่ลบว่าเป็นคนขี้โม้ ชอบสอนโดยไม่ดูตามม้าตาเรือ อยากจะอวดความรู้จะได้จ้างเขาให้เป็นโค้ชใช่ไหมล่ะ หรือถ้าสอนวิธีที่ต่างไปจากที่เขาเชื่อ จะถูกด่ากลับก็เป็นได้

 

Find a coach

 

คนเรามักเกิดความศรัทธาในนักปิงปองที่มีชื่อเสียง เป็นทีมชาติ หรือเป็นแชมป์ที่เป็นที่รู้จัก แต่ถ้าเป็นใครจากมาไหนก็ไม่รู้ย่อมยากที่จะสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้น แต่ใช่ว่าคนที่เป็นแชมป์จะสอนเป็นกันทุกคน หลายคนเล่นปิงปองเก่งแต่จัดลำดับการสอนจากง่ายไปยากไม่เป็น

โค้ชที่อยากอวดมักชอบพูดสอนออกมาดังๆในที่สาธารณะทำให้ได้ยินกันหมดทั้งห้องปิงปอง ต่างจากโค้ชที่ดีซึ่งจะพูดสอนด้วยเสียงเบาๆที่ได้ยินกันกับนักปิงปองที่เขาสอนเท่านั้น ยิ่งถ้าเข้าไปสอนคนที่ไม่รู้จักแล้วกลับกลายเป็นว่าเขาก็เป็นโค้ชเหมือนกัน และเขาก็กำลังเล่นอยู่กับนักปิงปองที่เรียนกับเขาอยู่ด้วย ทำแบบนี้เรียกว่า หักหน้ากันชัดๆ แม้จะทำด้วยความหวังดีก็ตาม

คุณพ่อคุณแม่ที่ฝากลูกเรียนปิงปองกับใคร ต้องเลือกโค้ชปิงปองให้ดีเพราะนิสัยลูกจะเลียนแบบตามโค้ชไปด้วย ตัวโค้ชต้องเป็นคนดีและมีระเบียบวินัยที่เป็นตัวอย่างที่ดี

โค้ชปิงปองที่ดีควรมีนิสัยถ่อมตัว ไม่ควรแนะนำตัวเองกับใครโดยเรียกชื่อตัวเองว่ามีคำว่าครูหรือโค้ชนำหน้า ถ้าไม่มีใครถามก็ไม่ควรโอ้อวดว่าแชมป์คนนั้นหรือนักปิงปองชื่อดังคนนี้เป็นศิษย์ของตน ถ้าเป็นโค้ชดีจริง ลูกศิษย์จะเป็นคนประกาศให้เอง

บางคนโชคดีได้เป็นครูเป็นโค้ชปิงปองของชมรมปิงปองในบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือหน่วยงานราชการแล้วก็ลืมตัว มาสายบ้าง ไม่มาบ้าง ตั้งใจสอนต่อเมื่อเป็นการว่าจ้างสอนที่ได้เงินเท่านั้น พอมาถึงก็ทำตัวใหญ่คับห้อง เลิกกล่าวคำขอบคุณ มือไม้แข็งไม่รู้จักไหว้ทักทายคนอื่นก่อน มองข้ามทุกคนไปหมด มีพฤติกรรมทำตัวไม่ต่างกับมาเฟียประจำบ่อน คนแบบนี้เป็นได้แค่โค้ชปิงปองที่มีแต่ถูกประนามลับหลังและรอให้ถูกไล่ออก

นอกจากปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝนแล้ว ยังต้องอาศัยความสมบูรณ์ของร่างกายประกอบด้วย ถ้าอยากจะเก่งแต่แขนขามีปัญหากล้ามเนื้อร่างกายไม่อำนวยย่อมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นก่อนจะสอนใครควรดูให้ดีก่อนว่านักปิงปองมีร่างกายส่วนใดติดขัดหรือไม่ จะหน้าแตกเอาง่ายๆถ้าบังคับให้เหวี่ยงแขนอย่างนั้นถ่ายน้ำหนักอย่างนี้ทั้งๆที่ร่างกายของนักปิงปองทำไม่ได้

นักปิงปองบางคนฝึกตีท่าเดิมๆจนชิน ย่อมยากจะแนะนำให้เปลี่ยนวิธีตีต่างไปจากเดิม โค้ชที่ฉลาดควรอธิบายให้เข้าใจด้วยเหตุผลว่าวิธีตีแบบใหม่นั้นดีกว่าอย่างไร ถ้ายังคงตีปิงปองต่อไปโดยใช้ท่าเดิมๆจะมีผลเสียหายต่อร่างกายกล้ามเนื้อในระยะยาวอย่างไรบ้าง เพราะโดยทั่วไปท่าตีปิงปองที่ดีย่อมไม่ทำให้ส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อหรือร่างกายอยู่แล้ว เช่น ถ้าติดนิสัยห้อยข้อมือลงไว้ตลอด ในระยะยาวจะทำให้ข้อมือคดหรือเส้นเอ็นที่แขนยึดจนดึงรั้งแขนทั้งแขนให้เหยียดตรงไม่ได้ หรือบางคนที่ติดนิสัยไม่วางเท้าขวาไว้ข้างหลังเวลาตีโฟร์แฮนด์แต่ชอบว่าเท้าไว้เสมอกัน ให้ลองตบแรงๆดูว่าทำได้แรงหรือไม่หรือเสียสมดุลง่ายหรือไม่ การวางเท้าแบบไหนที่ช่วยให้ฟุตเวิร์คคล่องตัวกว่ากัน

กว่าจะเริ่มสอนใครควรใช้เวลาศึกษาพฤติกรรมของนักปิงปองให้ดีก่อน โดยเฉพาะนิสัยใจคอว่าเป็นคนดีหรือไม่ ลองเล่นกันไปสักพักแล้วถ้าเขาเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อนแล้วจึงช่วยให้คำแนะนำจะเหมาะกว่า 

สำคัญที่สุด คนที่ควรสอนต้องเป็นคนที่อยากเรียนด้วย โค้ชไม่ต้องเป็นฝ่ายเข้าหา แต่คนที่อยากเรียนปิงปองต้องเข้าไปขอความรู้เอง นักปิงปองที่อยากเก่งต้องแสดงความตั้งใจให้เห็น มีความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนท่าตีของตน ไม่อวดเก่ง และไม่ลืมตัว ไม่ลืมตัวผยองตนว่าเล่นปิงปองเก่งกว่าใครๆอยู่แล้ว

ถ้าสอนไปแล้วดื้อ บอกกี่ครั้งก็แล้วยังไม่ยอมทำตาม ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรสอนต่อไปอีก

สงสัยกันบ้างไหมครับว่า ควรตีให้ไม้โดนลูกในจังหวะไหน ตอนลูกกระเด้งขึ้น ตอนลูกกระเด้งถึงจุดสูงสุด หรือตอนลูกวิ่งลง และด้วยเหตุผลอะไร

ได้ยินคำแนะนำมาหลายแบบใช่ไหม บ้างก็ว่าต้องตีลูกให้เร็วที่สุดเพื่อชิงความได้เปรียบ บ้างก็ว่าต้องตีลูกในจังหวะที่ลูกกระเด้งสูงสุดเพราะลูกจะสูงกว่าเน็ตมากที่สุด จะได้บุกในจังหวะนั้น ไม่ก็บอกว่าจังหวะสูงสุดตีง่ายที่สุดเพราะทิศทางการวิ่งของลูกจะขนานกับพื้น ทำให้ควบคุมหน้าไม้ได้ง่าย บางคนก็บอกว่าให้รอตีลูกในจังหวะที่ลูกลอยลงเพราะลูกจะคลายความหมุน ทำให้เรารับลูกได้ง่ายขึ้น หรือจะตีลูกตัดหนักๆได้

ไม่ว่าใครจะสอนอย่างไรก็ตาม การที่บอกให้ตีโดนลูกในจังหวะสูงสุดนั้นยากเหลือเกินที่จะทำได้จริง จะเป็นไปได้ต่อเมื่อมีโอกาสมองวิถีของลูกจากด้านข้างที่เห็นเส้นทางของการกระเด้งได้ชัดเท่านั้น แต่โดยทั่วไปเราจะหันหน้ามองตรงกับทิศทางที่ลูกวิ่งมาซึ่งยากที่จะรู้ว่าถึงจุดสูงสุดแล้วหรือยัง

ถ้ากำหนดให้ต้องตีลูกในจังหวะใดจังหวะหนึ่งตลอด เช่น ตีลูกในจังหวะสูงสุดเสมอจะเกิดอะไรขึ้น ... กับตัวของคุณ

123bounceMoves

สิ่งที่จะเป็นผลจากการตีลูกในจังหวะสูงสุดหรือจังหวะใดจังหวะหนึ่งตลอดเวลา ย่อมทำให้ต้องเคลื่อนตัวเข้าหาลูกบ้าง ถอยออกบ้างอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม ซึ่งนี่แหละจะทำให้เสียสมดุลของร่างกายและเปิดช่องโหว่ให้คู่ต่อสู้ส่งลูกสั้นแล้วตามด้วยลูกยาวตีอัดเข้าตัว ถ้าคุณขยับตัวเข้าออกได้ไม่คล่องย่อมพลาดท่าได้ง่ายๆ

ญี่ปุ่นและจีนสอนให้ตีลูกปิงปองได้ในทุกจังหวะโดยไม่ต้องขยับตัวเข้าออก การขยับตัวมีแต่เคลื่อนตัวไปทางซ้ายหรือขวาเท่านั้น โดยนักปิงปองต้องหาตำแหน่งที่ไม้กระทบลูกในตำแหน่งเดิมซึ่งสัมพัทธ์กับตำแหน่งยืนของร่างกาย เช่น ท่าตี FH ก็ต้องตีให้โดนลูกให้ห่างจากเอวขวาไปข้างหน้าประมาณ 1 ศอก ทุกลูกที่ตีไปต้องโดนลูกในตำแหน่งนี้เสมอโดยไม่ต้องเคลื่อนตัวเข้าหรือออก

วงสวิงที่ใช้ก็ต้องฝึกใช้วงสวิงเดียวกันตลอด แต่ปรับมุมเอียงของหน้าไม้ตามแต่ว่าจะส่งลูกกลับไปแบบใด

123bounceFixed

สำหรับนักปิงปองมือใหม่ควรฝึกตีลูกในจังหวะใดจังหวะหนึ่งและฝึกเคลื่อนตัวเข้าออก จนกว่าจะสามารถควบคุมลูกได้ชำนาญแล้วจึงค่อยฝึกตีลูกจังหวะใดก็ได้ เวลาแข่งขันจะได้สามารถเลือกว่าจะตีช้าหรือตีเร็ว จะขยับตัวเข้าหรือออกคราวนี้ก็ขึ้นกับแต่ละสถานการณ์

แทนที่จะสอนให้ตีโดนลูกที่จังหวะสูงสุด ควรแนะนำคนที่จังหวะการเข้าหาลูกยังไม่ดีพอ ให้ตีโดนลูกในจังหวะที่เร็วขึ้นหรือช้าลงกว่าเดิมจะเหมาะกว่า

การรักษาจุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักของร่างกายให้ต่ำจะช่วยทำให้สามารถออกแรงเหวี่ยงตีลูกปิงปองได้แรงโดยไม่เสียสมดุล แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจะทำอย่างไรให้แนวของจุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักคงที่ไว้ตลอดซึ่งจะช่วยทำให้มีความมั่นคงพร้อมกันไปกับสมดุล ถ้าออกแรงดีดจากขาก็จะทำให้จุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักเคลื่อนที่ขึ้นลง แต่ถ้าออกแรงจากแขนอย่างเดียวย่อมเกิดแรงได้น้อยเสียอีก มาชมภาพช้ากันว่าแชมป์ปิงปองจีนใช้วิธีใด 

MaLongTopSpinhttps://youtu.be/H0kJAsO32hk

 

  1. จากท่าเตรียมพร้อม ให้เคลื่อนตัวก้าวเท้าเข้าไปหาลูก ทิ้งน้ำหนักลงที่ขาขวา
  2. พยายามรักษามุมของขาช่วงหน้าแข้งและระดับของหัวเข่าให้คงที่ไว้ตลอดทั้งในช่วงอัดแรงและส่งแรง ทำให้เป็นเสมือนเสาเข็มที่ปักฐานรากไม่ให้ไหวตามแรงเหวี่ยง
  3. ในจังหวะอัดแรง จะพับเอวตรงช่วงขาหนีบลงไปพร้อมกับงอเข่ามากขึ้น โดยมุมขาช่วงหน้าแข้งยังคงที่ (ไม่ใช่ย่อขาลงไปจนหัวเข่าต่ำลง)
  4. บิดเอวพร้อมกับเหวี่ยงแขนไปข้างหลังโดยใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุน อัดแรงที่สะบักด้านหลังของต้นแขน
  5. ในจังหวะปล่อยแรง จะบิดเอวกลับพร้อมกับปล่อยแรงช่วงขาหนีบ ซึ่งจะผลักลำตัวช่วงเหนือเอวขึ้นมาตาม
  6. พอหัวไหล่เริ่มขยับก็จะเหวี่ยงแขนไปข้างหน้าจนไม้กระทบลูก

โปรดสังเกตว่าจังหวะปล่อยแรงตั้งแต่ไม้ยังอยู่ต่ำสุดจนกระทั่งไม้กระทบลูกนั้น ระดับของจุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักยังคงเดิมเสมอ 

cgLevelSide

cgLevel

fan

สังเกตรอยพับของเสื้อตรงสะบักหัวไหล่ของ Fan ให้ดี แสดงถึงการอัดแรงที่สะบัก ไม่ใช่แค่เหวี่ยงแขนไปข้างหลังเฉยๆ

การซ้อมน้อคลูกกันไปมาเป็นท่าพื้นฐานที่นักปิงปองทั้งรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ต้องใช้เป็นประจำ โดยเฉพาะการน้อคลูกโฟร์แฮนด์และแบ็คแฮนด์ บางคู่ซ้อมน้อคลูกกันคล่องมาก แม่นยำมากจนแทบไม่ต้องมองลูกก็ยังตีโดน ทั้งคนเล่นก็สนุก คนดูก็สนุก ซึ่งวิธีฝึกน้อคลูกที่จะให้ประโยชน์ได้ดีกว่าวิธีที่ฝึกซ้อมกันยังมีอีกหลายวิธี

ท่าน้อคลูกของนักปิงปองมือใหม่มักไม่ยอมเหวี่ยงไม้มากนัก ไม่ว่าจะเหวี่ยงไม้ไปข้างหลังเพื่ออัดแรง (Backswing) หรือการเหวี่ยงไม้ไปข้างหน้าเพื่อปล่อยแรง (Forward Swing หรือ Follow through) หลายคนใช้วิธีรอให้ลูกกระเด้งมาโดนไม้ก่อนแล้วจึงออกแรงเหวี่ยงแขนออกไป แต่พอบอกให้ออกแรงบิดเอวและเหวี่ยงแขนมากขึ้นก็มักต้องถอยออกมาไกลโต๊ะเพื่อตีลูกยาว คนส่วนใหญ่มักไม่ยอมถ่ายน้ำหนักจากเท้าหลังมาเท้าหน้าให้เต็มที่เพียงเพราะกลัวว่าจะตีลูกถัดไปไม่ทัน

backSwing2

สมัยที่ผมเริ่มฝึกปิงปองที่ใต้ถุนยิมเนเซียม 1 ปทุมวันนั้น ครูจันทร์ ชูสัตยานนท์สอนการตั้งท่าตีให้ถูกต้องก่อน จับไม้อย่างไร ใช้นิ้วเพื่อควบคุมหน้าไม้อย่างไร ฝึกตีโต้กันช้าๆก่อนเพื่อควบคุมทิศทางและระยะให้ลูกลงปลายโต๊ะตามพื้นที่สี่เหลี่ยมที่ตีตารางไว้บนโต๊ะ พอสามารถควบคุมลูกได้ดีแล้วจึงค่อยๆตีลูกให้แรงขึ้น หมุนขึ้น เร็วขึ้นทีละน้อย โดยยังคงยืนห่างจากโต๊ะเท่าเดิม และต้องฝึกการเหวี่ยงไม้ให้เต็มวงมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องอาศัยการออกแรงทั้งตัวเข้าหาลูกเพียงแต่จะขยับตัวมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น พอฝึกคล่องทุกลูกที่น้อคกันจะเป็นลูก Topspin ที่หมุนจัดมากขึ้นไปเรื่อยๆ

 

JOTrainingFHhttps://youtu.be/aHk4bLXiw9U

 

FHCounterhttps://youtu.be/ehDUzozK6tw

 Samsonovhttps://youtu.be/U1F8xegi0xs

 

วงสวิงที่เหวี่ยงเต็มวงไม่จำเป็นต้องใช้กับการตีแรงขึ้นเสมอไป นักปิงปองต้องฝึกเคลื่อนตัวและเคลื่อนไม้ให้เร็วกว่าจังหวะที่ลูกวิ่งมา สามารถเหวี่ยงไม้ไปข้างหลังเพื่ออัดแรงได้ลึกแล้วปล่อยแรงเหวี่ยงไม้ออกมาสวนทางกับลูกที่วิ่งมาให้โดนลูกในตำแหน่งเดิมได้ตลอด จะตีแรงหรือค่อยก็สามารถใช้วงสวิง Backswing แบบเดิมได้เสมอ

นักปิงปองมือใหม่จะใช้วงสวิงไปข้างหลังในระยะทางที่สั้นกว่าระยะทางในการเหวี่ยงไม้ Follow Through ตามลูกไปข้างหน้า ส่วนนักปิงปองที่ฝึกมาอย่างดีจะมีระยะทางที่กลับกัน โดยมีวงเหวี่ยงไปข้างหลังในระยะทางที่ยาวกว่าระยะทางที่ Follow Through ไปข้างหน้า

 

fan

ในท่ายืนแบบเดิม ระยะห่างจากโต๊ะเท่าเดิม และวงสวิงแบบเดิม การฝึกน้อคลูกยังต้องฝึกตีลูกให้ได้ทั้ง 3 จังหวะ ทั้งจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้น จังหวะที่ลูกลอยสูงสุด และจังหวะที่ลูกลอยลง พอตีลูกออกไปก็ต้องฝึกควบคุมวิถีที่ลูกลอยข้ามเน็ตไปให้เลียดบ้าง ย้อยสูงจากเน็ตบ้าง โด่งบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง ค่อยบ้าง แรงบ้าง หมุนมากบ้างน้อยบ้าง ไม่หมุนบ้าง โดยคู่ซ้อมทำหน้าที่เป็นคนบล้อคส่งลูกมาให้ในช่วงแรก พอฝึกคล่องแล้วจึงน้อคกลับไปกลับมาด้วยกันทั้งคู่

ถ้าใครมาซ้อมปิงปองที่ศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก จะได้เห็นนักปิงปองทั้งทีมชาติ ทีมพารา หรือนักปิงปองเก่งๆหลายคนมาฝึกซ้อมกันที่นี่ จะได้เรียนรู้ศึกษาวิธีเล่นปิงปองไปในตัวโดยเฉพาะวิธีฝึกของแต่ละคน

วันก่อนได้เห็นนักปิงปองกำลังฝึกลูก Topspin โต้กันไปมา เห็นเขาซ้อมกันแล้วก็เพลินดี ตีโต้กันแต่ละลูกได้นานมาก พอเอ่ยปากบอกเพื่อนที่มาซ้อมกันให้ดู เพื่อนก็บอกว่าวิธีที่ซ้อมกันแบบนั้นน่ะผิดวิธี สังเกตให้ดีว่าระดับไหล่เวลาเหวี่ยงไปข้างหลังตอนอัดแรงกับตอนปล่อยแรงออกมานั้นน่ะ นักปิงปองทั้งคู่ไม่ได้รักษาระดับไหล่ให้ขนานกับพื้นไว้ตลอด แต่กลับเอียงไหล่ลงเพื่ออัดแรง พอปล่อยแรงไปข้างหน้าก็เอียงไหล่ขึ้น ทำให้เสียสมดุลและไม่สามารถตีโต้ลูกที่ย้อนกลับมาเร็วๆได้ 

ท่า Topspin ตีลูกที่ส่งมาแบบธรรมดา ไม่ได้เป็นลูกหนักแบบ Backspin จึงไม่จำเป็นต้องลากไม้จากจุดที่ต่ำใต้โต๊ะขึ้นมา และไม่จำเป็นต้องเอียงตัวจนไหล่เอียงลงตามไปด้วย ที่สำคัญเขาจะใช้การย่อขาและพับเอวไปข้างหน้าแทนการเอียงไหล่ลงไปด้านข้าง

การรักษาระดับไหล่ให้ขนานกันพื้นไว้จะทำให้แกนหมุนของลำตัวไม่ส่ายและจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายแทบไม่เขยื้อนจากเดิม จึงรักษาสมดุลไว้ได้ตลอด และช่วยให้ตีลูกได้แม่นยำ

แรงส่งลูกตามขึ้นจะมาจากการดีดตัวจากขาพับเป็นส่วนใหญ่ ส่วนลำตัวและแขนจะเป็นแรงส่วนย่อยที่ตามไปและควบคุมทิศทางของลูกให้วิ่งไปข้างหน้า

เนื่องจากไม่ได้ยืนห่างโต๊ะ จุดเริ่มต้นของการลากไม้ขึ้นจะอยู่เหนือระดับโต๊ะ เพื่อช่วยให้สามารถใช้ท่าเดียวกันตีลูกสั้นบนโต๊ะได้ด้วยครับ

แต่ถ้ายืนห่างโต๊ะ ต้องอาศัยแรงมากขึ้น ก็จะเหวี่ยงจากใต้โต๊ะขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามจะพยายามรักษาแนวระดับไหล่ให้ขนานกับระดับพื้นไว้เสมอตามรูปนี้

wl18All

วิธีฝึกซ้อมของนักปิงปองไทยยุคนี้ แม้จะมีหลายท่าที่แปลกใหม่ แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับการฝึกซ้อมของนักปิงปองจีนหรือญี่ปุ่นแล้ว บอกได้เลยว่า เรายังห่างไกลกับเขามาก เรียกว่า คุณภาพคนละระดับกันเลยทีเดียว ความใส่ใจในท่าทางการตีปิืงปองของเรายังน้อยมาก ลูกที่วิ่งออกไปก็แรงผิดจังหวะ จังหวะที่ควรจะหมุนมากกว่าแรงก็กลับแรงมากกว่าหมุน โดยเฉพาะยังขาดความแม่นยำ ยังเอาชนะกันด้วยความแรงและความเร็ว แต่ขาดการผสมผสานหลายๆท่าเข้าด้วยกันในการตีโต้

ปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความเร็วในช่วงเวลาสั้นๆยิ่งกว่ากีฬาประเภทอื่น ในช่วงเสี้ยววินาทีต้องเหวี่ยงไม้กระทบลูกปิงปองกลับไปกลับมาข้ามโต๊ะที่มีความยาวเพียงไม่กี่ฟุต ดังนั้นการฝึกกล้ามเนื้อให้สามารถสนองตอบและออกแรงได้เร็วจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่เท่าที่พบเห็นมักเน้นการฝึกวิ่งและเข้าโรงยิมเพื่อฝึกยกน้ำหนัก โดยหารู้ไม่ว่าการฝึกกล้ามเนื้อแบบนั้นไม่ใช่ที่มาของความไว

หากต้องการฝึกให้ร่างกายมีความอดทน ไม่เหนื่อยง่าย ควรฝึกวิ่งโดยใช้เวลาครั้งละประมาณ 30 นาที โดยไม่ต้องวิ่งให้เร็วนัก หรือแบ่งเป็นการวิ่งช่วงสั้นๆครั้งละ 5 นาทีแล้วพักรอจนกว่าหัวใจจะเต้น 120 ครั้งต่อนาทีจึงเริ่มต้นวิ่งรอบต่อไป

แทนการฝึกวิ่งระยะทางไกลหรือวิ่งนานหลายนาที ควรฝึกวิ่งเร็วในระยะทางสั้นๆ 10, 20, 30, หรือ 40 เมตร ซ้ำๆหลายครั้งโดยใช้เวลาพักให้หายเหนื่อยก่อนวิ่งรอบถัดไป (จำไว้ว่าหากวิ่งแล้วเหนื่อยซึ่งทำให้วิ่งช้าลงก็ควรหยุดพักเพราะไม่ได้เป็นที่มาของความเร็วตามที่หวังไว้) จากการวิจัยล่าสุดพบว่าการวิ่งระยะสั้นให้ผลดีและเห็นผลเร็วกว่าการวิ่งนานๆระยะทางไกลๆ อีกทั้งยังมีลักษณะการออกกำลังใกล้เคียงกับการเล่นปิงปองแต่ละเกมอีกด้วย นอกจากนี้ควรฝึกการเคลื่อนตัวตามแนวด้านข้างโดยการก้าวเท้ายาวๆหรือกระโดด ซึ่งมักแนะนำให้ใช้ resistance band (ยางยืดสำหรับออกกำลัง) ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 

resistance-bands

 

 

อย่างไรก็ตามการฝึกกล้ามเนื้อให้ยืดหดซ้ำกันหลายครั้งเร็วๆซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงความยาวของกล้ามเนื้อ กลับทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ใช้กับความไวไม่ได้ถูกใช้ แต่ช่วยให้มีความแข็งแรงและอดทนให้แก่กล้ามเนื้อมากขึ้นต่างหาก

ในการฝึกเพิ่มความไวจากการเหวี่ยงแขนควรฝึกใช้ resistance band แทนการยกน้ำหนัก โดยออกแรงยืดยางตามแนววงเหวี่ยงแต่ละท่าแล้วยืดแขนค้างไว้นานประมาณ 10-15 วินาที (ไม่ต้องยืดไปยืดมา)และให้หายใจเข้าออกตามปกติ ให้ยืดค้างไว้ (isometric training) จนกระทั่งรู้สึกว่าทนต่อไปไม่ไหวหรือแขนเริ่มสั่น แต่ถ้าสามารถยืดได้นาน 25-30 วินาทีจึงเริ่มสั่น ให้เพิ่มแรงต้านให้มากขึ้นจากการใช้ resistance band หลายเส้นหรือใช้เส้นใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ให้ฝึกแต่ละท่าซ้ำอย่างมากที่สุดวันละ 3 ครั้งเท่านั้นและเว้นระยะการฝึกวันเว้นวัน แต่ละครั้งให้ใช้เวลาฝึกรวมไม่เกิน 10-15 นาทีเท่านั้น

การฝึกยกน้ำหนักทำได้แต่เฉพาะในแนวดิ่งและมีขนาดน้ำหนักคงที่ แม้ใช้ในการฝึกแบบ isometric ได้แต่ต่างจากการฝึกใช้ resistance band ที่สามารถปรับมุมของการเหวี่ยงและเมื่อมุมของการเหวี่ยงเปลี่ยนไปจะส่งผลให้กล้ามเนื้อปรับตัวตามแรงต้านที่ต่างกันไปตลอด พลังจากการยืดค้างไว้จะถูกเปลี่ยนไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้กับความไวและพัฒนากล้ามเนื้อเหล่านั้นให้คุ้นเคยกับลักษณะการเหวี่ยงไปในตัว (muscle memory)

 

resistanceBandAngle

 

 

 (โปรดสังเกตวิดีโอในนาทีที่ 1:11)

 

https://youtu.be/LhO7vlBvuqs

https://youtu.be/nDd37YNmGPQ

https://youtu.be/o5GbBkuK9-Y

https://youtu.be/MFkFgvZ2jgg

https://youtu.be/DQFacKBoZ7U

https://youtu.be/J7Gqy4kDARc ***

อย่างไรก็ตามมิได้หมายความว่า resistance band จำกัดเฉพาะกับการเพิ่มความไวในการเหวี่ยงแขนเท่านั้น หรือให้ยกเลิกการฝึกกล้ามเนื้อหรือบริหารร่างกายแบบอื่นๆ หากควรฝึกประเภทที่สร้างเสริมความรวดเร็วและการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันไว้ด้วยเสมอ

 

 

 

 

 

 

พอเหวี่ยงไม้ตีลูกโฟร์แฮนด์ไปข้างหน้าแล้วจะเหวี่ยงไม้กลับมาอัดแรงโดยวิธีใด ถ้าเหวี่ยงไม้กลับมาทางขวาแล้วคู่ต่อสู้ส่งลูกกลับมาลงชิดตัวหรือถูกโยกไปทางซ้ายมือจะทำอย่างไรจึงจะตีกลับไปได้ทัน

 

backSwing

"ยิ่งระยะรัศมีของวงเหวี่ยงมากเท่าใด แม้จะทำให้มีโมเมนตัมมากขึ้นทำให้ตีลูกได้แรงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะเหวี่ยงได้ช้าลงและทำให้ต้องออกแรงเหวี่ยงไม้มากขึ้นด้วย"

นี่คือหลักการสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอ นักปิงปองที่ฉลาดจะสามารถตีได้เร็ว แรง พร้อมกับประหยัดพลังงานได้ดีกว่าคนอื่น

ในขณะที่เหวี่ยงไม้ไปข้างหน้าเพื่อตีลูก ต้องหาทางให้รัศมีของวงเหวี่ยงลดลงจึงจะตีได้แรงและเร็ว พอไม้กระทบลูกปิงปองแล้วให้ดึงไม้และแขนเข้ามาชิดลำตัวกลายมาเป็นท่าเตรียมพร้อม พอคู่ต่อสู้ตีลูกกลับมาเราก็ต้องเหวี่ยงไม้เพื่ออัดแรง ซึ่งทำได้ 2 วิธี

  1. เหวี่ยงไม้กลับมาทางด้านขวา(ตามรูปบน) โดยใช้แขนเหวี่ยงมากกว่าบิดลำตัว ซึ่งเป็นวิธีที่นักปิงปองมือใหม่มักใช้กัน หากมองดูจากด้านบนวงสวิงเข้าและออกจะเป็นเส้นโค้งเข้าแล้วออกในเส้นเดียวกัน
    หรือ
  2. แทนที่จะเหวี่ยงแขนก่อน ให้บิดลำตัวมาทางด้านหลังเพื่ออัดแรง โดยไม่ต้องเหวี่ยงแขนกลับมาทางด้านหลังแต่อย่างใด หากมองดูจากด้านบนวงสวิงเข้าและออกจะเป็นวงรี
    1. เก็บแขนท่อนบนชิดลำตัวเอาไว้
    2. พอบิดลำตัวไปด้านหลังเต็มที่แล้ว ให้ปล่อยแขนท่อนล่างลงไปด้านล่างตามแรงดึงดูดของโลก ตามด้วยเหวี่ยงแขนท่อนบนไปด้านหลังเพียงเล็กน้อยเพื่ออัดแรง
    3. ในขณะที่ส่งแรงจากลำตัวไปด้านหน้า แขนจะอยู่ในท่าอัดแรงได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเสียเวลาเหวี่ยงแขนอัดแรงแม้แต่น้อย

 

SwingMaLinhttps://youtu.be/8z6AyEm8G0s

wl18All

เนื่องจากวงสวิงเข้าและออกเป็นรูปวงรีและมีแนวของวงที่มาหยุดพักชิดลำตัวในท่าเตรียมพร้อม จึงทำให้รักษาสมดุลของร่างกายได้ดีและสามารถขยับตัวไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อโต้ตอบลูกที่ส่งมาได้อย่างรวดเร็ว

 

การยืดกล้ามเนื้อก่อนฝึกตีปิงปองเป็นข้อผิดพลาดที่เห็นทำกันอยู่ทุกวันที่สนามฝึก พอเห็นคนอื่นทำก็ทำตามกันไปโดยหารู้ไม่ว่า ถ้ายืดกล้ามเนื้อผิดจังหวะเวลา แทนที่จะเป็นการปรับสภาพกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นและพร้อมที่จะใช้งานจะกลายเป็นการทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรงต่างหาก

การยืดกล้ามเนื้อก่อนฝึกตีปิงปองจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง ต่อเมื่อก่อนที่จะยืดกล้ามเนื้อนั้นร่างกายต้องผ่านการอุ่นเครื่องมาแล้ว อย่างน้อยต้องมีเหงื่อออกมาก่อนบ้าง ควรออกกำลังโดยวิ่งเบาๆหรือซ้อมตีเบาๆเพื่อทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น กล้ามเนื้ออุ่นขึ้นก่อนประมาณ 5 นาที จากนั้นจึงฝึกยืดกล้ามเนื้อ และหลังจากฝึกซ้อมปิงปองเสร็จควรยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง นวดกล้ามเนื้อ หรืออาบน้ำอุ่น จะช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อที่จะเกิดตามมา

StrechWarm

 

https://youtu.be/XeEIoGMldyc

คลิกที่นี่เพื่อศึกษาภาพท่ายืดกล้ามเนื้อ

ส่วนการปวดกล้ามเนื้อเป็นสิ่งปกติซึ่งเกิดขึ้นจากการออกกำลัง ตามปกติร่างกายจะสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บให้เองภายใน 2 วัน แต่ถ้าฝึกตีปิงปองอย่างหักโหมโดยไม่ได้พักให้เพียงพอจนร่างกายไม่สามารถสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บได้ทันจะกลายเป็นผลเสียร้ายแรงในระยะยาวอย่างยิ่ง นักปิงปองควรวางแผนการฝึกของตนให้ดี หากฝึกซ้อมลูกตบจนปวดแขนก็ควรหยุดพักหรือใช้เวลาในอีกวันหนึ่งกับการฝึกซ้อมเสริฟหรือฝึกท่าอื่นที่เบากว่า

Go to top