การยืดกล้ามเนื้อก่อนฝึกตีปิงปองเป็นข้อผิดพลาดที่เห็นทำกันอยู่ทุกวันที่สนามฝึก พอเห็นคนอื่นทำก็ทำตามกันไปโดยหารู้ไม่ว่า ถ้ายืดกล้ามเนื้อผิดจังหวะเวลา แทนที่จะเป็นการปรับสภาพกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นและพร้อมที่จะใช้งานจะกลายเป็นการทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรงต่างหาก

การยืดกล้ามเนื้อก่อนฝึกตีปิงปองจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง ต่อเมื่อก่อนที่จะยืดกล้ามเนื้อนั้นร่างกายต้องผ่านการอุ่นเครื่องมาแล้ว อย่างน้อยต้องมีเหงื่อออกมาก่อนบ้าง ควรออกกำลังโดยวิ่งเบาๆหรือซ้อมตีเบาๆเพื่อทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น กล้ามเนื้ออุ่นขึ้นก่อนประมาณ 5 นาที จากนั้นจึงฝึกยืดกล้ามเนื้อ และหลังจากฝึกซ้อมปิงปองเสร็จควรยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง นวดกล้ามเนื้อ หรืออาบน้ำอุ่น จะช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อที่จะเกิดตามมา

StrechWarm

 

https://youtu.be/XeEIoGMldyc

คลิกที่นี่เพื่อศึกษาภาพท่ายืดกล้ามเนื้อ

ส่วนการปวดกล้ามเนื้อเป็นสิ่งปกติซึ่งเกิดขึ้นจากการออกกำลัง ตามปกติร่างกายจะสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บให้เองภายใน 2 วัน แต่ถ้าฝึกตีปิงปองอย่างหักโหมโดยไม่ได้พักให้เพียงพอจนร่างกายไม่สามารถสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บได้ทันจะกลายเป็นผลเสียร้ายแรงในระยะยาวอย่างยิ่ง นักปิงปองควรวางแผนการฝึกของตนให้ดี หากฝึกซ้อมลูกตบจนปวดแขนก็ควรหยุดพักหรือใช้เวลาในอีกวันหนึ่งกับการฝึกซ้อมเสริฟหรือฝึกท่าอื่นที่เบากว่า

แม้การตีลูกโดยการสะบัดข้อมือจะเป็นพลังเสริมทำให้ตีปิงปองได้แรงมากขึ้นและเมื่อใช้ในการปั่นลูกหมุนจะทำให้ลูกหมุนมากขึ้นก็ตาม แต่การสะบัดข้อมือจะทำให้ความแม่นยำลดลง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้การสะบัดข้อมือในการตีโฟร์แฮนด์โดยเฉพาะลูกตบซึ่งได้แรงมาจากการเหวี่ยงท่อนแขนและการถ่ายน้ำหนักมากเพียงพออยู่แล้ว

หากต้องการใช้แรงจากการสะบัดข้อมือให้ได้ประสิทธิผลเต็มที่ ต้องสะบัดข้อมือในจังหวะที่ท่อนแขนล่างเคลื่อนที่เร็วที่สุดเพื่อทำให้ได้แรงเสริมส่งต่อกัน แต่ถ้าสะบัดข้อมือผิดจังหวะ แรงเหวี่ยงจากแขนจะถูกลดทอนลงไปกลายเป็นลูกที่ได้แรงมาจากการสะบัดข้อมือเท่านั้นแทนที่จะได้แรงควบจากการเหวี่ยงแขน นักกีฬาปิงปองจึงควรฝึกใช้การสะบัดข้อมือให้ถูกกาลเทศะด้วย ไม่ควรฝึกสะบัดข้อมือจนกว่าจะสามารถตีลูกโฟร์แฮนด์ได้แม่นยำแล้วเท่านั้น ส่วนการตีแบคแฮนด์หรือการตีลูกสั้นบนโต๊ะจำเป็นต้องใช้แรงจากการสะบัดข้อมือ

วิธีฝึกสะบัดข้อมือที่ถูกต้อง ห้ามเกร็งข้อมือหรือง้างข้อมือไว้ก่อนเพราะจะทำให้แขนเหวี่ยงได้ช้าลง โดยปล่อยข้อมือให้หลวมๆสบายๆ พอเหวี่ยงแขนเข้าในจังหวะอัดแรง ข้อมือก็จะถูกแรงของท่อนแขนผลักไปข้างหลังเป็นการเริ่มต้นอัดแรงที่ข้อมือให้เอง แล้วเมื่อปล่อยแรงในจังหวะเหวี่ยงท่อนแขนออก ข้อมือที่ปล่อยตามสบายนั้นจะถูกแรงเหวี่ยงของแขนท่อนล่างผลักให้ตัวมือถูกเหวี่ยงตามไปด้านหน้า ให้ใช้จังหวะนี้ออกแรงสะบัดข้อมือ

การใช้ข้อมือช่วยในการตีปิงปองทุกลูกเป็นความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะนักปิงปองหน้าใหม่ที่ชอบเลียนแบบแชมป์ปิงปองตามวิดีโอจากYouTube บางคนเข้าใจผิดถึงขนาดเกร็งข้อมืองอลงห้อยไว้ตลอด ส่งผลให้เกิดข้อมือล้อคหรือเกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือในระยะยาว อย่าจับไม้แล้วงอข้อมือลงแบบภาพต่อไปนี้จะทำให้ไม่สามารถใช้แรงสะบัดของข้อมือได้เต็มที่เพราะขาดช่วงอัดแรงของข้อมือ

05

การจับไม้ที่ถูกต้อง เมื่อกำไม้ปิงปองไว้ในมือแล้วตัวหน้าไม้ต้องยกขึ้นสูงกว่าข้อมือโดยยังคงรักษาแนวของมือกับแขนท่อนล่างไว้เป็นแนวเดียวกัน (ตามภาพด้านล่าง) ข้อมือจะงอไปข้างหลังเองตามการเหวี่ยงแขนอัดแรงไปข้างหลังและจะงอไปข้างหน้าเองตามการเหวี่ยงแขนไปข้างหน้า ทั้งนี้แนวของมือและท่อนแขนต้องกลับมาเป็นแนวเดียวกันตามเดิมในจังหวะที่ไม้กระทบลูกจึงทำให้สามารถควบคุมทิศทางการตีได้แม่นยำ

04

การเหวี่ยงไม้จะได้แรงจากกล้ามเนื้อเต็มที่ต่อเมื่อไม่เกร็งข้อมือและไม่จับไม้แน่นไว้ตลอดเวลา ภาพที่เห็นว่าเขาห้อยข้อมือลงไปข้างล่างนั้นเกิดจากการปล่อยไม้ลงตามธรรมชาติ ไม่ได้เกร็งหรือตั้งใจงอข้อมือลงแต่อย่างใด พอเหวี่ยงไม้ขึ้นก็จะสะบัดข้อมือขึ้นแล้วกำไม้แน่นขึ้นในจังหวะที่ลูกกระทบไม้

การใช้ข้อมือจะทำให้ความแม่นยำในการตีลูกลดลง ดังนั้นนักปิงปองที่ยังตีลูกไม่แม่นยำ พึงหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือไว้ก่อน โดยเฉพาะการฝึกตีแบคแฮนด์ในระยะแรก ไม่ควรฝึกใช้ข้อมือจนกว่าจะสามารถเหวี่ยงแขนท่อนบนและท่อนล่างเป็น

ถ้าข้อมือยังขาดกล้ามเนื้อยังไม่สามารถออกแรงสะบัดข้อมือได้ชำนาญ ห้ามใช้ข้อมือกับลูกที่ส่งมาแรงและเร็วอย่างเด็ดขาด เพราะยากที่จะควบคุมทิศทางของหน้าไม้ในการสะบัดข้อมือและแรงปะทะของลูกอาจแรงมากจนทำให้ข้อมือบาดเจ็บ

นักปิงปองหน้าใหม่ที่ชอบใช้ข้อมือจะติดนิสัยดัดข้อมือเพื่อตั้งหน้าไม้รับลูก ไม่ยอมขยับลำตัว หรือเคลื่อนตัวตั้งท่าตีลูกให้เหมาะสม มักชอบเอื้อมแขนออกไปแล้วดัดข้อมือตีลูก ทำให้ลูกที่ตีออกไปยาวบ้างสั้นบ้างออกซ้ายออกขวามั่วไปหมด

เนื่องจากการตีโฟร์แฮนด์ทำได้เแรงและเร็วมากอยู่แล้วเพราะสามารถถ่ายแรงมาจากขา ลำตัว และแขนได้เต็มที่ การใช้ข้อมือในการตีโฟร์แฮนด์จึงมีประโยชน์เพียงเล็กน้อยในแง่เพิ่มความหมุนจากการสะบัดข้อมือปั่นลูกให้หมุนมากขึ้นได้บ้าง หรือใช้ดัดข้อมือเพื่อหลอกทิศทางที่จะตีลูกออกไป

การสะบัดข้อมือเพื่อตีลูกทำได้ 2 แบบ

  1. สะบัดข้อมือตามทิศทางของหน้าไม้ จะได้ความแรงเพิ่มขึ้นในการปะทะ
  2. สะบัดข้อมือตามทิศทางของขอบด้านข้างของไม้ปิงปอง จะได้ความหมุนในการปั่นลูก

แม้การสะบัดข้อมือเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการตีปิงปอง แต่การใช้ข้อมือให้ถูกจังหวะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า บางครั้งอาจสะบัดข้อมือขึ้นก่อนที่ลูกจะกระทบไม้เพื่อตีลูกที่หมุนน้อยหลอกคู่ต่อสู้ บางครั้งอาจสะบัดข้อมือลงในจังหวะที่ลูกกระทบไม้เพื่อทอนแรงจากการเหวี่ยงแขน

หากต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมือ ควรจับไม้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป ฝึกใช้ข้อมือเพิ่มแรงหรือลดแรงปะทะ อย่าเกร็ง

นักปิงปองมือใหม่หรือคนที่ตีปิงปองไม่เป็นพอจับไม้ปิงปองมักชอบตีแบ็คแฮนด์มากกว่าโฟร์แฮนด์ เพราะสามารถมองเห็นลูกที่ตีในจังหวะกระทบไม้ด้านหน้าของตัวได้ชัดเจน แต่พอฝึกตีโฟร์แฮนด์เป็นสามารถตีได้คล่องขึ้นกลับกลายตีแบ็คแฮนด์ไม่ค่อยเป็นเสียแล้ว รู้สึกว่าตีแบ็คแฮนด์ยากกว่า ตีได้ไม่ถนัด และตีด้วยข้อมือไม่ได้แรงเท่ากับการตีโฟร์แฮนด์ จนทำให้ละเลยไม่อยากฝึกตีแบ็คแฮนด์ กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญของแทบทุกคน

 bkhandDrive

Backhand Drive หมายถึง การตีด้านแบ็คแฮนด์ทำให้ลูกที่ตีกลับไปหมุนแบบ topspin หรือใช้สำหรับตีโต้กลับ (counterhit) ถ้าตั้งท่าตีให้ถูกต้องจะพบว่าการตีแบ็คแฮนด์ทำได้ง่ายกว่าตีโฟร์แฮนด์เสียอีก

  • ก้มต้วพับเอวลงไปด้านหน้า ให้ลำตัวส่วนบนโน้มลงโดยกระดูกสันหลังยังคงเป็นเส้นตรง จะเกิดช่องว่างช่วงหน้าลำตัวสำหรับใช้เหวี่ยงแขน
  • งอแขนระหว่างแขนท่อนบนและแขนท่อนล่างให้เป็นมุมฉาก (ห้ามยืดหรือเหยียดแขนตรง)
  • ใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนแขนท่อนบน
  • ยื่นข้อศอกไปด้านหน้าและชี้ลง อย่าแนบติดลำตัวเป็นอันขาด
  • ใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุนแขนท่อนล่าง
  • หากต้องการใช้ข้อมือ ให้สบัดตามแขนท่อนล่าง (การฝึกระยะแรกยังไม่ควรฝึกใช้ข้อมือเพราะการใช้ข้อมือสบัดไม้จะทำให้ความแม่นยำลดลง และหากสบัดข้อมือเร็วไปขณะที่แขนท่อนล่างยังเหวี่ยงได้ความเร็วไม่สูงสุด จะตีได้แรงไม่เต็มที่)

วิธีอัดแรง

  1. ถ่ายน้ำหนักจากขาขวามาลงขาซ้าย และหมุนสะโพกซ้ายตามเพียงเล็กน้อย
  2. อัดแรงที่หัวไหล่โดยหมุนหัวไหล่ให้แขนท่อนบนและข้อศอกเข้ามาใกล้หน้าท้องบริเวณหน้าสะดือ
  3. หมุนแขนท่อนล่างมาด้านหลังบริเวณเหนือหัวเข่าซ้ายโดยใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุน
  4. ปล่อยให้ข้อมือพับไปข้างหลังตามแรงเหวี่ยงของแขนท่อนล่างเป็นการอัดแรงที่ข้อมือเอาไว้ และในขณะเดียวกันให้หมุนแขนท่อนล่างตามแกนยาวใช้สำหรับควบคุมมุมของหน้าไม้

วิธีปล่อยแรง

  1. ปล่อยแรงจากขาซ้ายไปขาขวาแล้วหมุนสะโพกตาม
  2. ปล่อยแรงที่หัวไหล่ โดยเหวี่ยงหัวไหล่เพียงเล็กน้อยเพื่อผลักแขนท่อนบนให้เหวี่ยงจากซ้ายไปขวา
  3. ปล่อยแรงที่ข้อศอก เพื่อเหวี่ยงแขนท่อนล่างจากซ้ายหลังไปข้างหน้าตามทิศทางที่ต้องการส่งลูกโดยใช้ข้อศอกเป็นจุดศูนย์กลาง ส่งแรงให้ท่อนแขนล่างยืดออกจากมุมฉาก
  4. ปล่อยแรงที่ข้อมือ เพื่อสบัดข้อมือให้หน้ายางปั่นลูกให้หมุนหรือกระแทกลูก และในขณะเดียวกันให้หมุนแขนท่อนล่างตามแกนยาวเพื่อสบัดหน้าไม้ปิดคว่ำลงตามทิศทางของการตีลูก (ให้ควบคุมมุมของลำตัวให้ก้มไว้ในมุมเดิมตลอดการตี อย่าหงายหลังหรือเหยียดลำตัวขึ้นเป็นอันขาดเพราะจะทำให้มุมหน้าไม้ไม่คงที่)
  5. ท่อนแขนยืดออกไปหยุดอยู่หน้าลำตัวบริเวณหน้าเท้าขวากลับสู่ท่าเตรียมพร้อมตีลูกต่อไป

หมายเหตุ วิธีอัดแรงและปล่อยแรงข้างต้น ตำแหน่งที่ไม้กระทบลูกอยู่ประมาณกลางสะดือค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย วิธีนี้ต้องเสียเวลาในการเหวี่ยงไม้เพื่อสร้างแรงและสามารถปั่นลูกให้หมุน อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้เร็ว แรง แต่ปั่นลูกให้หมุนได้น้อยกว่า ในการอัดแรงและปล่อยแรงมีลักษณะเหมือนกับการต่อยหมัดแย้บ โดยใช้หัวไหล่ดันข้อศอกมาข้างหลังข้างลำตัวด้านขวาเพื่ออัดแรง แล้วปล่อยแรงออกไปตรงๆกระทบลูกบริเวณด้านขวาของลำตัว

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อใช้แรงจากการบิดเอวและสะโพกเข้าช่วยแล้วถ่ายน้ำหนักตามแนวนอน มาชมวิดีโอนี้กันว่าจะเพิ่มแรงตี backhand loop ได้ขนาดไหน

 

 

 

  1. กลัวตีไม่โดนลูกปิงปอง
  2. กลัวว่าตีไปแล้วจะกลับมาตั้งหลักไม่ทัน

กลัวทั้งสองอย่างนี้เป็นความกลัวของนักปิงปองหน้าใหม่ ทำให้ใช้วงสวิงสั้นๆรอให้ลูกวิ่งมาโดนไม้แล้วจึงเหวี่ยงแขนออกไป และไม่กล้าถ่ายน้ำหนัก ทำให้ไม่สามารถตีลูกได้แรงและไม่แม่นยำ เมื่อไม่กล้าถ่ายน้ำหนักจะทำให้ไม่มีแรงผลักจากเท้าให้กลับมาตั้งหลักตีลูกต่อไป ทำให้ต้องยืนใกล้ติดโต๊ะเอาแต่ตีลูกสั้นๆ ตีลูกยาวๆไม่เป็น

วงสวิงมีหลายจังหวะประกอบกัน

  1. จังหวะ back swing เป็นการเหวี่ยงแขนอัดแรงไปข้างหลัง
  2. จังหวะ forward swing เป็นการเหวี่ยงแขนไปข้างหน้า ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
    1. จังหวะเร่งแรงก่อนลูกกระทบไม้
    2. จังหวะที่ลูกกระทบไม้ (dwell time) ซึ่งมีความเร็วของการเหวี่ยงของไม้สูงสุด
    3. จังหวะเหวี่ยงไม้ตามลูกออกไป (follow through)

นักปิงปองที่ชำนาญมีวงสวิงในจังหวะ back swing และ follow through ที่ยาวกว่านักปิงปองหน้าใหม่ ทำให้สามารถอัดแรงจากลำตัวและแขนได้มาก เมื่อปล่อยแรงออกไปจึงตีลูกได้แรงและเร็ว ส่วนความแม่นยำได้จากการฝึกจังหวะที่ไม้กระทบลูกปิงปองให้ลูกอยู่บนไม้ได้นานกว่าปกติแล้ว follow through พร้อมกับถ่ายน้ำหนักไปตามทิศทางที่ต้องการส่งลูกออกไป

จังหวะที่ไม้กระทบลูกต้องเป็นจังหวะที่ไม้เคลื่อนที่เร็วสูงสุด พอไม้กระทบลูกแล้วต้องลดความเร็วของไม้ลงเพื่อไม่ให้สูญเสียแรงโดยไม่จำเป็น ต่างจากนักปิงปองที่เพิ่งเริ่มฝึกมักเร่งออกแรงจากจังหวะที่ลูกมากระทบไม้ก่อน ทำให้ไม่กล้าเหยียดแขนเพิ่มรัศมีวงสวิง จึงตีไม่ได้แรง แล้วใช้ follow through ระยะสั้นเพื่อหยุดไม้ไม่ให้ไปไกลเพราะจะเสียสมดุล มีท่าตีเหมือนกระชากไม่สวยงาม

ช่วง follow through ยิ่งยาว ทำให้ลูกอยู่บนหน้าไม้นานขึ้น ช่วยทำให้ตีลูกไปลงตำแหน่งที่ต้องการได้แม่นยำมากขึ้น

การฝึกที่จะช่วยให้สามารถ back swing ได้ยาว ไม่ใช่ว่าวง back swing ยาวขึ้นแล้วต้องฝึกตบลูกแรงๆอย่างที่มักเข้าใจผิดกัน หากต้องฝึกขยับตัวไปตั้งท่าเตรียมพร้อมให้เร็วขึ้นไว้ก่อนล่วงหน้าที่ลูกจะข้ามเน็ตกลับมา จะได้มีเวลาพอในการเหวี่ยงแขนอัดแรงได้ยาวขึ้น หาตำแหน่งของท่าเตรียมพร้อมซึ่งต้องมีระยะห่างจากจุดกระทบลูกพอดีที่จะปล่อยแรงเหวี่ยงแขนออกไปให้ลูกกระทบกลางหน้าไม้สวนทางกับทิศทางที่ลูกวิ่งมา จึงต้องอาศัยการคาดการณ์ทิศทางของลูกที่วิ่งมาว่าจะยาวหรือสั้นและลงโต๊ะแล้วจะกระเด้งไปทางไหน

ควรฝึกขยายวงสวิงในจังหวะ back swing และ follow through ให้ยาวขึ้น ไม่ว่าจะใช้ในการตีลูกแรงหรือค่อยก็ตามเพื่อฝึกควบคุมการปล่อยแรงให้ได้ดังใจ

แรงที่นิยมใช้ตีปิงปองส่วนใหญ่เป็นแรงที่เกิดจากการเหวี่ยงแขนและถ่ายน้ำหนักตัว ซึ่งจะสร้างแรงได้ดีต่อเมื่อตีลูกห่างโต๊ะเพราะมีเนื้อที่และระยะเวลานานพอที่จะอัดแรงเหวี่ยง แต่ถ้าต้องออกแรงตีลูกสั้นบนโต๊ะมักนิยมใช้แรงเหวี่ยงจากการสบัดข้อมือช่วย ซึ่งยากจะควบคุมทิศทางการตีให้แม่นยำ และหากใช้ข้อมือออกแรงผิดจังหวะไม่ได้ใช้ในจังหวะสุดท้ายหลังจากออกแรงจากส่วนอื่นแล้ว แรงจากการสบัดข้อมือจะกลับกลายเป็นการทอนแรงที่ควรเกิดขึ้นเต็มที่ให้ลดลง

ยังมีแรงอีกส่วนหนึ่งซึ่งใช้กันไม่ค่อยเป็น นั่นคือแรงที่เกิดจากการบิดลำตัวและการบิดแขน

  • แรงบิดที่เกิดจากลำตัว เกิดขึ้นได้จากการย่อตัวลงโดยการงอลำตัวช่วงเอวพร้อมกับงอขา จะทำให้สามารถบิดตัวอัดแรงไปข้างหลังได้มากกว่าการยืนตรงๆ
  • แรงบิดที่เกิดจากแขน เกิดจากการงอแขนแล้วอ้าแขนช่วงบนออกให้ข้อศอกไม่ติดกับลำตัว จะทำให้สามารถพลิกแขนท่อนบนโดยใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุน และใช้การพลิกแขนท่อนล่างในขณะที่ใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุน

ควรฝึกตั้งท่าเตรียมพร้อมที่ดีโดยการย่อขาและงอลำตัวให้ก้มลงไว้เสมอ จะบิดได้แรงมากขึ้นต้องรู้จักผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนนั้นให้มากไว้ก่อน

ยูทูบเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้วิธีตีปิงปองได้ง่ายและชัดเจนกว่าแต่ก่อนมาก สมัยผมเป็นเด็กต้องรอซื้อนิตยสารปิงปองรายเดือนเป็นภาษาญี่ปุ่น มีรูปถ่ายภาพการตีปิงปองเป็นจังหวะต่อเนื่องให้เห็นว่าแชมป์ชาวจีน ญี่ปุ่นหรือชาวยุโรปเขาตีปิงปองหรือเสริฟลูกแปลกๆกันอย่างไร แม้ในเล่มเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่มีหน้าภาษาอังกฤษแค่ 4 หน้าแนบมาด้วย ทำให้ขวนขวายเปิดพจนานุกรมแปลศัพท์ภาษาอังกฤษ ยังจำได้ว่าเล่มแรกที่เริ่มอ่านเป็นปีค.ศ.1973 ได้เห็นลูกเสริฟที่นักปิงปองจีนโยนลูกขึ้นไปสูงๆเป็นครั้งแรก ยุคนั้นยังไม่เห็นชาติอื่นใช้ลูกเสริฟแบบนี้กัน ต่อมาผมยกนิตยสารที่เก็บไว้อย่างดีให้กับเพื่อนที่ลูกเขาชอบตีปิงปองจึงหมดโอกาสถ่ายภาพนิตยสารมาอวดให้ดูกัน

ทุกวันนี้อยากจะศึกษาวิธีตีปิงปองท่าใดแค่ค้นหาจาก google ก็จะดูคลิปแสดงการตีปิงปองได้จากเว็บยูทูบได้ทันที ถ้าอยากดูคลิปวิดีโอที่สอนทีละขั้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจากง่ายไปยากก็สามารถจ่ายเงินสมัครเป็นสมาชิกหรือซื้อแผ่นวิดีโอสาธิตการตีได้จากเว็บสอนปิงปอง (ซึ่งราคาแพงนับหมื่นบาททีเดียว)

การดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ แม้ฟรีไม่ต้องเสียเงิน แต่ยากจะเรียนรู้การฝึกตีปิงปองทีละขั้นได้ถูกต้อง เพราะไม่ได้เรียงลำดับวิดีโอจากง่ายไปยากไว้ให้คลิกเปิดดูทีละขั้น อีกทั้งมักไม่มีคำอธิบายประกอบ ผู้ดูจึงต้องเดากันเอาเองจากชื่อคลิป นักปิงปองที่เล่นให้ดูในคลิปก็มักเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ ไม่สามารถติดตามดูผู้เล่นคนเดียวตลอดไปว่าเขาฝึกแต่ละท่าอย่างไร ทำไมจึงตีแบบนั้น ทำไมจึงวางเท้าตั้งท่าไว้อย่างนี้ ทำไมเหวี่ยงแขนแบบนั้นแบบนี้เพื่อใช้กับการรับลูกประเภทใด

คลิปวิดีโอที่ดีต้องเรียงลำดับให้เปิดศึกษาทีละขั้น จากผู้ฝึกสอนคนเดียวกันและผู้เล่นในคลิปคนเดิมตลอด และมีคำอธิบายประกอบด้วยว่า ท่าตีที่แสดงนั้นเป็นวิธีที่แนะนำหรือไม่ แชมป์หลายคนมีท่าตีที่ผิดแต่เป็นแชมป์ได้เพราะเล่นจนชำนาญและมีปัจจัยอื่นเสริม

โค้ชอังกฤษแนะนำว่า ในความคิดเห็นของเขา แชมป์ที่มีวิธีตีที่สมบูรณ์ คือ Jan Ove Waldner,  Wang Liqin, และ Vladimir Samsonov (มีไม่กี่คนหรอก ... เห็นไหม)

แทนที่จะดูคลิปจากยูทูบโดยตรง ควรเปิดเว็บซึ่งเป็นเจ้าของคลิปเพื่ออ่านคำอธิบายประกอบตามไปด้วยจะได้เข้าใจถึงเหตุและผลของการตีแต่ละท่า ไม่ต้องลอกเลียนท่าตีของคนอื่นมาใช้แบบไม่รู้ที่ไปที่มาอีกต่อไป

อย่าเอาแต่ลอกเลียนท่าตีของแชมป์ เพราะกว่าเขาจะตีท่านั้นได้ต้องฝึกฝนอย่างหนักและมีสภาพร่างกายแข็งแรงกว่าเรามาก อีกทั้งวิธีการจับไม้ จังหวะการตี วงสวิงของแต่ละคนยังต่างกันไป

ควรหาตำราปิงปองมาอ่าน หรืออ่านจากเว็บที่อธิบายวิธีฝึกเป็นขั้นเป็นตอน ค้นจากยูทูปหาวิดีโอการฝึกสอนที่แสดงลำดับการฝึกจากง่ายไปยาก เช่น ตามลิงก์ต่อไปนี้

 

Table Tennis Tutorial from Beginner to Advanced : The Secret of the Chinese Team

มีทั้งหมด 17 ตอน สอนจากง่ายไปยาก ควรหามาดูให้ครบทีละขั้นทีละตอน

 

 

Drill Your Skills with China National Team
มีทั้งหมด 7 ตอน

 

 

High Level Training With Stefan Feth
มีนับสิบตอน

 

 

ตามสถิติพบว่าคนเราตบลูกปิงปองแรงที่สุดจะได้ลูกที่วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (หรือ 70 mph) ซึ่งเงื่อนไขที่สำคัญนอกเหนือจากการตบลูกให้แรงที่สุดได้ต้องขึ้นกับว่า เมื่อตบแล้วต้องไม่เสียหลัก ไม่ล้ม สามารถควบคุมการทรงตัวของตัวเองได้ด้วยเพื่อสามารถตบลูกต่อไปได้ทันที

ถ้าได้ดูการซ้อมปิงปองของนักกีฬาทีมชาติ จะเห็นว่าการซ้อมน้อคลูกปิงปองไปมาของเขาตีได้แรงและเร็วกว่าที่นักปิงปองทั่วไปอย่างมาก ทั้งๆที่ยืนใกล้โต๊ะก็สามารถเหวี่ยงแขนโดยใช้วงสวิงที่กว้าง หรือแม้แต่ใช้ท่าบล้อคลูกที่ไม่ได้มีโอกาสเหวี่ยงแขนมากนักก็ยังสามารถตีโต้ลูกกลับไปได้แรง ซึ่งสิ่งที่ช่วยทำให้ตีได้แรงไม่ได้ขึ้นกับสภาพร่างกายที่แข็งแรงเพียงอย่างเดียว หากยังต้องวางเท้าให้ห่างออกจากกันให้มากที่สุด ให้เท้าหลังห่างจากโต๊ะมากกว่าเท้าหน้า และก้มตัวลงต่ำมากเพื่อลดระดับจุดศูนย์กลางของน้ำหนักตัวให้ต่ำเท่าที่จะต่ำได้ เพื่อช่วยทำให้สามารถทรงตัวอยู่ได้แม้จะออกแรงถ่ายน้ำหนักเพื่อตีแรงๆออกไป

การวางเท้าให้ขนานกับโต๊ะ(ที่วางเท้าซ้ายกับขวาห่างจากขอบโต๊ะด้านหลังเท่าๆกัน) เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้นักปิงปองมือใหม่ไม่สามารถตีลูกได้แรง เพราะลูกจะวิ่งออกไปได้แรง ผู้ตีก็ต้องถ่ายนำหนักออกไปตามทิศทางที่ตีลูกด้วย เมื่อวางเท้าขนานกับโต๊ะจะถ่ายน้ำหนักตามทิศทางของการส่งลูกออกไปได้แรงไม่เต็มที่เพราะจะล้มได้ง่าย

การตั้งท่าตีลูกโดยวางเท้าขนานกับโต๊ะเป็นได้ตามหลักทฤษฎีที่ว่าเพื่อช่วยให้สามารถขยับตัวไปตีได้ทั้งโฟร์แฮนด์และแบคแฮนด์โดยไม่ต้องขยับเท้า แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ว่าจะวางเท้าแบบใดก็สามารถตีได้ทุกท่าอยู่แล้ว นักปิงปองต้องตัดสินใจขยับตัวเพื่อตั้งท่าเตรียมพร้อมตีลูกถัดไปซึ่งมีตำแหน่งต่างไปจากเดิมตลอดเวลา ใช่ว่าทุกลูกจะใช้ได้กับการวางเท้าขนานกับโต๊ะ มันจึงเป็นท่าวางเท้าในอุดมคติมากกว่าที่จะใช้ได้จริง

จุดอ่อนของคนที่วางเท้าแบบขนานกับโต๊ะนอกเหนือจากการตีลูกไม่ได้แรงแล้ว ยังเคลื่อนตัวรับเพื่อรับลูกสั้นยาวได้ไม่สะดวกอีกด้วย ถ้าถูกหยอดแล้วตีอัดเข้าตัวจะเริ่มเสียหลัก จากนั้นให้ตีลูกยาวโยกไปทางโฟร์แฮนด์ให้ห่างตัวเขามากที่สุด หรืออ่อยเหยื่อให้เขาออกแรงตีลูก loop แล้วโยกลูกเร็วสั้นหรือยาวก็ได้ ให้ใช้หลักทำให้เขาเสียการทรงตัวแล้วจึงบุกทำคะแนน

แม้นักปิงปองฝรั่งกับจีนมีความสูงไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนัก แต่โดยทั่วไปฝรั่งมีรูปร่างหนากว่าและมีน้ำหนักมากกว่าซึ่งเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการฝึกของนักปิงปองฝรั่งแตกต่างจากจีน เช่น นักปิงปองฝรั่งใช้วงสวิงที่งอแขนมากกว่าจีนและใช้แรงสบัดแขนท่อนล่างโดยใช้จุดหมุนที่ข้อศอกมากกว่าจากหัวไหล่ มักวางเท้าที่ช่วยให้ตีได้คล่องโดยไม่ต้องขยับตัวมากนัก และ follow through ไปหยุดไม้ที่ระดับจมูกหรือคิ้ว

นักปิงปองจีนใช้ทั้งแขนเหวี่ยงอัดแรงโดยใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนแล้ว follow through เต็มที่โดยใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุน

 

แนะนำลิงก์ 1  2

นอกจากนี้โค้ชจีนจะสอนพื้นฐานและฝึกให้ตีโฟร์แฮนด์และแบคแฮนด์ได้แรงและแม่นยำก่อนแล้วจึงฝึก loop เพราะถือว่า loop เป็นเพียงส่วนขยายของการตี ส่วนโค้ชยุโรปจะสอนให้ loop เป็นตั้งแต่แรกเพื่อจะได้ใช้เป็นอาวุธในการแข่งขัน

ก่อนจะลอกเลียนหรือเลือกวิธีฝึกแบบฝรั่งหรือแบบจีน ควรมีเหตุผลในการเลือกฝึกตามเขาด้วย นักปิงปองฝรั่งบางคนชอบตีแบบจีน นักปิงปองจีนบางคนชอบตีแบบฝรั่ง บางท่าต้องใช้ท่าตีเหมือนกันและแตกต่างกันไป

ผมเป็นคนที่ชอบชวนใครต่อใครมาซ้อมตีปิงปองด้วยกันโดยไม่จำกัดว่าเขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เพิ่งฝึกตีปิงปองหรือไม่ ถ้าคู่ฝึกตีช้ากว่า ผมจะใช้เวลาที่ลูกลอยมาช้านั้นไปกับการฝึกขยับเท้าให้เร็วและเหวี่ยงแขนให้กว้างกว่าปกติ แต่คนส่วนใหญ่ชอบตีแรงและเร็วเข้าว่า ถ้าไม่แรงก็จะชอบปั่น top spin หมุนมามากๆ น้อยคนนักที่จะตีได้ทั้งแรงพร้อมกับหมุนมาก หายากเหลือเกินที่จะพบคู่ซ้อมที่สามารถตีได้อย่างแม่นยำ นานๆทีที่จะพบคู่ซ้อมที่ตีได้อย่างแม่นยำทั้งทิศทางการตีและส่งลูกมาลงที่ปลายโต๊ะที่จุดเดิมได้ด้วย ช่วยทำให้ซ้อมน้อคลูกทั้งแรง เร็ว และหมุนมากขึ้นเรื่อยๆกันได้หลายร้อยครั้ง หายากมากๆๆๆๆ

ความแม่นยำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งต้องแม่นยำทั้งทิศทางที่ลูกลอยข้ามเน็ตไปและแม่นยำในระยะทางที่ลูกกระทบโต๊ะ แม้การตีลูก top spin จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตีลูกให้แรงขึ้นและยังลงโต๊ะได้ก็ตาม (เพราะการหมุนแบบ top spin จะเพิ่มแรงกดอากาศเหนือลูกทำให้ลูกมีวิถีที่ลอยลงเร็วและสั้นขึ้น) ลูกปิงปองที่หมุนแบบ top spin มากๆจะยากในการควบคุมทิศทางและระยะทางของลูก

ยิ่งพยายามปั่นลูกให้หมุนมากขึ้น ตีให้แรงมากขึ้น ปรับหน้าไม้เพื่อพลิกแพลงมากขึ้น หรือใช้ลูก side spin ยิ่งใช้คุณสมบัติเหล่านี้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งมากขึ้น ยิ่งทำให้ความแม่นยำลดลง

 

 

องค์ประกอบที่ช่วยเสริมความแม่นยำให้มากขึ้น

  1. ยางและไม้มีคุณสมบัติด้านการควบคุมลูก
  2. จ้องมองลูกที่ลอยข้ามเน็ตมาจนกระทั่งกระทบไม้กลับออกไป
  3. ท่าตีต้องมั่นคง ตีแรงเท่าใดก็ไม่ล้ม ควบคุมการก้มของลำตัวไว้ตลอด ไม่ใช่ตีไปแล้วหงาย สามารถย้อนกลับมาตั้งท่าเตรียมพร้อมได้อย่างรวดเร็ว
  4. การก้าวเท้าต้องรวดเร็ว สามารถเคลื่อนตัวไปตั้งท่าในตำแหน่งพร้อมรับลูกได้ก่อนล่วงหน้าที่ลูกจะลอยข้ามเน็ตกลับมา
  5. ใช้รัศมีวงเหวี่ยงแขนสั้น งอแขนทำมุมข้อศอกคงที่โดยไม่เหยียดแขนมากนัก
  6. ลูกปิงปองกระทบหน้าไม้ในตำแหน่งด้านหน้าลำตัวเสมอ
  7. วงสวิงเหวี่ยงแขนทำได้อย่างสละสลวย
  8. ไม่ใช้ข้อมือหรือใช้ข้อมือให้น้อยที่สุด
  9. ส่งแรงช่วงที่ลูกอยู่บนไม้ไปในทิศทางที่ต้องการ

จังหวะที่ลูกอยู่บนไม้เป็นช่วงสำคัญที่สุดที่จะเพิ่มความแม่นยำ ซึ่งจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่สั้นมากและมีระยะทางบนวงสวิงที่สั้นมาก นักปิงปองต้องคุ้นเคยกับการกระเด้งของยางและไม้ที่ใช้เป็นอย่างดีเพื่อรู้สึกถึงแรงของลูกในขณะที่ลูกสัมผัสกับหน้าไม้ ให้ลากไม้ส่งแรงเป็นเส้นตรงชี้ไปในทิศทางที่ต้องการส่งลูกออกไป พอลูกพ้นออกจากหน้าไม้ไปแล้วจึงปล่อยวงสวิง follow through ให้โค้งไปตามปกติ

การส่งแรงเป็นเส้นตรงไม่ได้หมายถึงต้องปรับมุมหน้าไม้ให้ต่างไปจากเดิมแต่อย่างใด เพียงลากไม้ในช่วงที่ลูกกระทบไม้ให้เป็นเส้นตรงชี้ไปยังทิศทางที่ต้องการ

สำหรับนักปิงปองมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะต้องตั้งหน้าไม่ทำมุมกี่องศาดี โค้ชหลายคนมักแนะนำให้เริ่มต้นจากตั้งหน้าไม้ให้ทำมุม 45 องศากับพื้นโต๊ะแล้วฝึกเหวี่ยงไม้ขึ้นในแนว 45 องศาเช่นกัน (หรือแนะนำให้เหวี่ยงไม้ไปข้างหน้า) เพื่อช่วยให้เรียนรู้วิธีตีปิงปองได้ง่ายขึ้น

45degree

การตั้งมุมหน้าไม้ไว้ที่ 45 องศาจะทำให้เมื่อไม้กระทบลูกในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้น แรงจากลูกจะกระทำต่อหน้าไม้ได้แรงที่สุดและส่งแรงออกจากหน้าไม้ในมุมตั้งฉากโดยประมาณพอดี(เส้นสีแดง) เมื่อออกแรงจากไม้(เส้นสีฟ้า)ในมุม 45 องศาออกไปและออกแรงให้เท่ากับหรือมากกว่าแรงของลูกที่วิ่งมากระทบไม้ จะเกิดแรงผลลัพธ์ที่มีวิถีพุ่งไปข้างหน้าลอยข้ามเน็ตเสมอ(เส้นสีเขียว)

หลักการนี้มีเคล็ดอยู่ที่การปรับหน้าไม้ให้ตั้งฉากกับทิศทางที่ลูกวิ่งมากระทบไม้ โดยไม่จำเป็นต้องตีลูกในจังหวะขึ้นเสมอไปและไม่ต้องควบคุมมุมหน้าไม้ไว้ที่ 45 องศาตลอด แต่รักษาวงสวิงให้ทำมุมคงที่ หากตีโดนลูกจังหวะที่ลูกกระเด้งสูงสุดหรือตกลงให้ปรับหน้าไม้ให้ทำมุม 80-90 องศากับพื้นโต๊ะ และเมื่อลูกกระเด้งออกจากไม้ไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมมุมหน้าไม้ให้คงที่อีกต่อไป

 

 

 

เมื่อมุมที่ลูกกระเด้งเข้าหาไม้และและมีมุมของแรงกระเด้งออกตั้งฉากกับไม้ตลอดเวลา ช่วยลดภาระของนักปิงปองมือใหม่ในการคิดคำนึงถึงมุมหน้าไม้ เหลือแต่เพียงต้องคอยปรับแรงของการเหวี่ยงให้แรงเหมาะสมพอดีที่จะส่งลูกข้ามเน็ตไปลงในทิศทางและระยะที่ต้องการ อีกทั้งยังช่วยให้ไม่ต้องปรับมุมของวงสวิงให้ต่างไปจากเดิมอีกด้วย โดยทั่วไปถ้าต้องการตีลูกให้แรงขึ้นก็เพียงคว่ำหน้าไม้ให้มากขึ้นหรือปรับมุมหน้าไม้ให้สัมพันธ์กับลูกที่หมุนมา หรือถ้าต้องการคงมุมหน้าไม้คงที่ไว้ตลอด ให้ใช้วิธีปรับแนววงสวิงช่วง follow through ให้ไปข้างหน้าหรือกดลงมากขึ้น แต่ถ้าตีติดเน็ตให้เพิ่มระยะ follow through ไปขึ้นข้างบนให้มากขึ้นแทนการปรับมุมหน้าไม้

สมาธิช่วยทำให้ใจจดจ่ออยู่กับการตีปิงปอง ไม่วุ่นวายคิดนอกเรื่องนอกราวไปตามสิ่งเร้าจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากคนดูหรือนักปิงปองโต๊ะข้างๆ หรือแม้แต่อารมณ์ของตัวเองในขณะที่กำลังจะแพ้หรือกำลังถูกคู่ต่อสู้ทำคะแนนไล่ตามมาทัน ซึ่งสมาธิมักจะเสียไปเมื่อมีเหตุกาณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแทรกเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว อย่างเวลาที่นักปิงปองจีนฝึกซ้อม เขาจะมุ่งสมาธิไปกับการฝึกซ้อมให้ชินกับกับสิ่งรบกวนรอบข้าง ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรแทรก มีลูกปิงปองจากโต๊ะอื่นกระเด้งมา หรือแม้แต่มีคนเดินมามุดเก็บลูกใต้โต๊ะ นักปิงปองจีนก็จะไม่หยุดตีลูกที่กำลังซ้อมกันอยู่

ปิงปองเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยสมาธิอย่างมาก ตาต้องคอยจ้องมองลูกตั้งแต่จังหวะที่ไม้ของคู่ต่อสู้กระทบลูกจนกระทั่งลูกกระทบไม้ของเราออกไป จากนั้นต้องย้ายสายตามามองท่าทางและอ่านหน้าไม้ของคู่ต่อสู้ให้ออกว่าเขาตีโต้กลับมาอย่างไร เพื่อย้ายตำแหน่งการวางตัวของตนให้เหมาะและเตรียมเหวี่ยงไม้เพื่อรับลูกกลับไป

  1. ลูกหมุนมาแบบ topspin หรือ backspin หรือ sidespin
  2. หมุนแรงมากน้อยเพียงใด
  3. ตีลูกมาสั้นหรือยาว
  4. ตีลูกมาทิศทางใด

ทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างสมาธิ นักปิงปองควรฝึกซ้อมน้อคลูกปิงปองให้ได้นานที่สุด ถ้าจะนับลูกที่ตีโต้กันต้องตีกันไปมาให้ได้ 100, 200, 300 ครั้งขึ้นไป คนที่เคยน้อคลูกกันได้นานๆจะรู้ว่าไม่ใช่ง่ายเลยที่จะควบคุมให้มีสมาธิได้ตลอด พอตีน้อคลูกไปได้สักพักโดยไม่พลาดไม่ได้หยุดพัก จะรู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นและเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจะเริ่มควบคุมลูกยากขึ้น ไม่สามารถตีลูกไปในทิศทางและให้ลงตำแหน่งบนโต๊ะได้แม่นยำอย่างเคย ครั้งแรกๆที่ตีโต้กันได้นานจะเริ่มคิดภาคภูมิใจว่า "ฉันตีได้ดีขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ ตีลูกยากๆได้แล้วนะเนี่ย" พอคิดแบบนี้ขึ้นมา สายตาก็จะหยุดมองลูกที่ควรมอง หยุดอ่านไม้คู่ต่อสู้ สมาธิก็จะหมดไป

ความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างการตีโต้เป็นอุปสรรคสำคัญของการมีสมาธิ ถ้ามัวแต่คิดจะไม่สามารถตัดสินใจและเคลื่อนตัวไปตีลูกต่อไปได้ทัน ดังนั้นในช่วงระหว่างการนับแต้มกันนั้นต้องคิดแบบไม่คิดเพื่อตัดสินใจตีกลับไปได้เร็วที่สุด

แม้การฝึกเล่นเกมนับแต้มเป็นการช่วยทำให้นักปิงปองคุ้นเคยกับการแข่งขันและรู้จักจุดอ่อนของตัวเองเพื่อกลับมาฝึกซ้อมให้ดีขึ้นก็ตาม แต่การฝึกนับแต้มกันนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ตีลูกจากคู่ต่อสู้แบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก

จะคิดแบบไม่คิดได้โดยฝึกซ้อมเบสิคในการตีโต้ท่าต่างๆจนกว่าจะชิน คำว่า "ชิน" นี่แหละสำคัญมาก พอชินแล้ว การตีลูกแบบต่างๆจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาเพราะตัวเองเคยทำได้มาก่อน สายตาจะจับจ้องลูกและคู่ต่อสู้ไปพร้อมกับการอ่านลูกที่เขาตีกลับมาอย่างอัตโนมัติ จิตจะคิดแบบจิตใต้สำนึก และตัดสินใจหวดลูกออกไปเองโดยไม่ต้องเสียเวลามาคิดกันอีก

เมื่อลูกปิงปองที่ลอยข้ามเน็ตมากระเด้งที่โต๊ะฝั่งเรา วิถีของลูกที่กระเด้งแบ่งเป็น 3 จังหวะ

  • จังหวะที่ 1 เป็นช่วงที่ลูกเพิ่งกระเด้งขึ้นมีระยะความสูงมากกว่าหรือเท่ากับเน็ตขึ้นไป
  • จังหวะที่ 2 เป็นช่วงที่ลูกกระเด้งสูงสุด
  • จังหวะที่ 3 เป็นช่วงที่ลูกเริ่มวิ่งลง

 

123bounce

 

โดยทั่วไปมักแนะนำให้ตีลูกที่กระเด้งจังหวะที่ 1 เพื่อใช้ความเร็วทำให้คู่ต่อสู้ตั้งหลักไม่ทัน นักปิงปองที่ชำนาญสามารถตีลูก topspin สวนกลับไป(โดยไม่ต้องรอให้ลูกสูงกว่าเน็ตก็ยังได้) เพราะการหมุนมากๆของลูก topspin จะกดลูกให้มีวิถีที่ต่ำลงจึงสามารถตีกลับไปแรงๆโดยลูกยังลงโต๊ะฝั่งตรงข้าม หรือใช้เป็นจังหวะสำหรับ push ลูกที่ถูก backspin มา หรือ flip หรือบล้อคลูกที่ถูก topspin มา ซึ่งต้องระวังว่าถ้าตีลูกเร็วจนเกินไปในจังหวะที่ลูกยังกระเด้งไม่สูงกว่าเน็ต จะควบคุมให้ตีลูกกลับไปให้ลอยต่ำหรือเลียดเน็ตได้ยาก มักกลายเป็นลูกวิถีโค้งที่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้สวนกลับ

ลูกกระเด้งจังหวะที่ 2 เป็นจังหวะที่ลูกกระเด้งสูงที่สุด ควรใช้สำหรับการตีลูกกลับไปเป็นลูกวิถีตรง เหมาะสำหรับการตบหรือบล้อคแบบกระแทกลูกกลับไปเร็วๆแรงๆ

 

 

ลูกกระเด้งจังหวะที่ 3 เป็นจังหวะที่ใช้กับลูกที่ต้องการเวลาอ่านลูกให้มั่นใจก่อนว่าเป็นลูกที่ตีหมุนมาอย่างไร หรือใช้กับการ loop ลูกที่ตีมาแบบ backspin กลับไป ซึ่งไม่ควรรอให้ลูกลอยลงมาจนมีระยะต่ำกว่าเน็ต

นักปิงปองมือใหม่หรือมือบล้อคชอบตีลูกที่จังหวะที่ 1 เพราะยืนใกล้โต๊ะ ไม่ต้องใช้ฟุตเวิร์คเคลื่อนตัวมากนัก และสามารถใช้แรงที่ลูกลอยมากระเด้งกลับไปโดยไม่ต้องออกแรงของตัวเอง แต่จะไม่คล่องตัวในการโต้กลับลูกยาวที่ส่งลงมาปลายโต๊ะหรือลูกเร็วที่ส่งมาชิดตัวจนไม่สามารถขยับตัวหรือเหวี่ยงวงสวิงได้ทัน

เพื่อทำให้คู่ต่อสู้จับจังหวะการตีได้ยากที่สุด นักปิงปองต้องฝึกพลิกแพลงตีลูกทั้ง 3 จังหวะนี้ให้เป็นไม่ว่าจะตีท่าใด โดยเรียนรู้ที่จะใช้ฟุตเวิร์คเคลื่อนตัวห่างจากโต๊ะ ปรับมุมหน้าไม้ และเหวี่ยงวงสวิงให้เหมาะสม ยิ่งตีลูกไกลมากเท่าใด ยิ่งต้องควบคุมความแม่นยำให้มากขึ้นเท่านั้น โดยใช้แรงเหวี่ยงจากขา ลำตัว และไหล่ แทนการใช้แขนและข้อมือ เพราะถ้าตั้งหน้าไม้ผิดไปไม่กี่องศาจะส่งผลให้ลูกที่วิ่งไปไกลเบี่ยงเบนมากขึ้น

ความปวดเมื่อยเป็นเรื่องปกติของนักปิงปอง ถ้าปวดเมื่อยแล้วคุ้มที่จะปวดจะเมื่อยก็ไม่น่าห่วงอะไร แต่ถ้าปวดเมื่อยไปโดยตีไปไม่ได้แรงแถมไม่แม่นยำเสียอีก คราวนี้ต้องมาหาสาเหตุกัน

  1. ขณะตีปิงปอง มีร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งเกร็งหรือเปล่า
  2. ใช้หัวมากไปหรือเปล่า
  3. ข้อศอกติดลำตัวมากไปหรือเปล่า
  4. ตีปิงปองแขนเดียวหรือเปล่า
  5. ท่าเตรียมพร้อมรับ เอาข้อมืออยู่ต่ำกว่าระดับข้อศอกหรือเปล่า
  6. เหวี่ยงไม้โดยใช้แต่แขนหรือข้อมือหรือเปล่า
  7. ยืดๆหดๆช้าไปหรือเปล่า
  8. ลำตัวขยับตามในจังหวะที่ไม้กระทบลูกหรือเปล่า
  9. พอลูกกระเด้งออกจากไม้ไปแล้ว ไม้ยังเหวี่ยงเร็วขึ้นหรือเปล่า

ประเด็นเรื่องการเกร็งนี่สำคัญมากเพราะมักเถียงหัวชนฝากันว่าไม่ได้เกร็งทั้งๆที่ตัวเองยืนตัวเกร็งให้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา ถ้ายืนตัวตรง ไม่ย่อขา ไม่พับลำตัว นั่นแหละพอจะขยับตัวก็เกร็งแล้ว เพราะท่ายืนปกติของคนเหมาะกับการยืนตรงเท่านั้น พอจะเดินก็ต้องงอขาจริงไหม พอจะวิ่งก็ต้องงอเพิ่มอีกหลายส่วนใช่ไหม ถ้ารู้จักก้มตัวลงไปข้างหน้าโดยวางเท้าให้ห่างกันอย่างน้อยเท่ากับระยะช่วงบ่า พับลำตัวลงแล้วงอขาและงอแขนเข้ามาเล็กน้อย จะทำให้กล้ามเนื้อมีช่วงที่เปิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าการเหยียดตรงๆ เมื่อออกแรงก็มีกล้ามเนื้อพร้อมให้ใช้งาน และให้จับไม้แน่นขึ้นในจังหวะก่อนที่ลูกจะกระทบไม้เท่านั้นเพื่อควบคุมมุมหน้าไม้ให้คงที่

จริงอยู่ที่เราต้องใช้สายตาตามมองลูกที่ลอยเข้ามาจนกระทบไม้ แต่ใช่ว่าจะต้องส่ายหัวตามการมองลูกหรือหมุนศรีษะตามลำตัวไปด้วย เพราะหัวหรือศรีษะของคนเรามีน้ำหนักไม่น้อย ถ้าเอียงหรือส่ายหัวไปมาจะเป็นภาระในการปรับสมดุลของการถ่ายแรงมิใช่น้อย ควรควบคุมแนวศรีษะและลำคอให้คงที่ไว้แล้วส่ายหัวตามการมองลูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนช่วงข้อศอกต้องไม่ปล่อยให้ห้อยชิดลำตัว ในท่าเตรียมพร้อมรับเมื่อพับลำตัวแล้วก้มไปข้างหน้าแล้วปล่อยให้ห้อยข้อศอกลงตามแนวดิ่ง จะพบว่ามีระยะห่างจากข้อศอกกับลำตัวเกิดขึ้นเอง เป็นช่วงที่เปิดให้ข้อศอกขยับได้อย่างอิสระจะไปทิศทางใดก็ได้ ยิ่งต้องการแรงมากเท่าใดยิ่งต้องอ้าแขนท่อนบนให้ข้อศอกห่างจากลำตัวมากขึ้นอยู่ในระยะประมาณ 15 - 30 ซม นอกจากนี้ถ้าวางข้อมือให้เหนือกว่าระดับข้อศอกไว้ในท่าเตรียมรับ แค่ปล่อยให้ไม้เหวี่ยงลงตามแรงดึงดูดของโลกย่อมเคลื่อนไม้ได้เร็วกว่าการห้อยไม้ไว้ต่ำกว่าข้อศอกแล้วต้องยกขึ้นเป็นไหนๆ

ทำนองเดียวกับแขนขวา แขนซ้ายซึ่งไม่ได้ใช้ตี ต้องไม่เอามาหนีบพับแขนซ้ายติดไว้กับลำตัวกลายเป็นนักปิงปองแขนเดียวที่เห็นเกลื่อนไปหมด แค่ดูแขนซ้ายซึ่งไม่ได้ใช้ตีก็ดูออกแล้วว่าเป็นศิษย์มีครูหรือเปล่า ควรฝึกใช้แขนซ้ายช่วยในการรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว ใช้สายตาร่วมกับมือซ้ายเพื่อติดตามกะระยะของลูกที่จะตี และใช้ข้อศอกซ้ายช่วยในการเริ่มต้นหมุนตัวออกแรงตีลูก ซึ่งจะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อหลังด้านล่างอีกด้วยหากใช้แต่แรงจากแขนขวาอย่างเดียว

ถ้าเอาแต่พับแขนซ้ายไว้แนบหน้าอกก็เท่ากับว่าต้องออกแรงเกร็งยกน้ำหนักของแขนซ้ายไว้ตลอดเวลา ถ้าปล่อยแขนซ้ายลงตรงๆก็จะเกะกะเมื่อตีลูกบนโต๊ะ

คนที่ไม่รู้จักบิดลำตัวเพื่ออัดแรง ให้แก้โดยลองกำนิ้วชี้มือซ้ายไว้กับด้ามไม้ พอเหวี่ยงแขนขวาอัดแรงจะพบว่าแขนซ้ายพาลำตัวบิดตามให้เอง

นักปิงปองที่ตบได้แรงแต่พอกลับบ้านก็ปวดแขนไปหมด นั่นแสดงว่าเอาแต่ใช้แขนเหวี่ยงอย่างเดียวไม่ได้ใช้ลำตัวช่วย บางคนใช้ลำตัวช่วยถ่ายน้ำหนักเข้าหาลูกแล้วแต่พอจังหวะที่ไม้จะกระทบลูกกลับสะบัดข้อมือเข้าเสียอีกแทนที่จะเป็นการสะบัดข้อมือออก ทำให้เสียแรงที่อุตส่าห์ใช้แขนเหวี่ยงออกไปและที่แน่ๆคือไม่เคยตีลูกได้แม่นยำเสียที ดังนั้นก่อนที่คิดจะใช้ข้อมือต้องรู้จักเหวี่ยงแขนให้เป็นก่อน พอตีได้แม่นยำแล้วจึงฝึกใช้ข้อมือเสริมแรงเพื่อปั่นลูกให้หมุนได้มากขึ้นอีก(นิด)ในภายหลังไม่ว่าจะตีแบ็ดแฮนด์หรือโฟร์แฮนด์ก็ตาม

ความแม่นยำสูญเสียไปได้ง่ายที่สุดจากการใช้ข้อมือไม่เป็น พยายามใช้ข้อมือมากไปโดยหารู้ไม่ว่าเป็นดาบสองคม ชอบใช้ข้อมืองอไปงอมาเพื่อปรับมุมหน้าไม้ พอเคลื่อนตัวเข้าประจำตำแหน่งช้าไปทำให้ต้องเอื้อมหรือเบี่ยงตัวปรับวงสวิงให้เข้าหาลูกแทนที่จะปล่อยให้ลูกปิงปองวิ่งเข้าหาไม้

ความละเอียดของความแม่นยำ ขึ้นกับการใช้แขนควบคุมมุมหน้าไม้ปิงปองและควบคุมมุมลำตัวให้คงที่ต่างหาก (ต้องเคลื่อนตัวให้ไวไปประจำตำแหน่งที่จะตีลูกถัดไป ปล่อยให้ลูกปิงปองวิ่งเข้าหาวงสวิงที่เหวี่ยงออกไป ไม่ใช่ต้องปรับวงสวิงยืดหรือหดเข้าหาลูก)

แรงจากการสะบัดข้อมือมีความแรงและความเร็วเทียบไม่ได้เลยกับแรงที่เกิดจากการเหวี่ยงแขน ที่เห็นใช้ข้อมือกันนั้นเป็นเพียงการไม่เกร็งแล้วปล่อยให้ข้อมือเคลื่อนอย่างอิสระตามวงสวิง

นักปิงปองที่ชอบใช้ข้อมือจะแพ้อย่างหมดรูปเมื่อเจอคู่แข่งที่ตีได้แรงกว่าและเร็วกว่า เพราะแรงจากข้อมือสู้กับแรงของลูกปิงปองที่ถูกตีอัดเข้ามาแรงๆไม่ได้

พลังงานจะถูกเก็บไว้ในกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นมากขึ้นเมื่อยืดแขนมากขึ้น แต่พลังงานเหล่านี้จะสลายกลายเป็นความร้อนอย่างรวดเร็วมาก เพียง 1 วินาทีก็จะสูญเสียพลังงานไปแล้วกว่า 50% ดังนั้นเมื่อยืดแขนในจังหวะอัดแรงต้องเหวี่ยงแขนหดกล้ามเนื้อเข้ามาตีลูกให้ต่อเนื่องกันทันที ควรฝึกเหวี่ยงแขน(ยืดกล้ามเนื้อ)อัดแรงในจังหวะที่ลูกกระเด้งบนโต๊ะฝั่งตัวเองแล้วปล่อยแรงตีลูกออกไปต่อเนื่องกัน ไม่ใช่ว่าอ้าแขนไว้นานแล้วไม่ยอมเหวี่ยงแขนตีเสียที

บางคนถ่ายน้ำหนักเข้าหาลูกดีแล้ว ทั้งใช้ลำตัวช่วยและใช้แขนเหวี่ยงแรงเต็มที่แล้ว แต่ไม่ได้หยุดการเคลื่อนลำตัวให้ช่วงแขนสะบัดออกไป ไม่ได้หยุดแขนท่อนบนให้แขนท่อนล่างสะบัดออกไป ไม่ได้หยุดแขนท่อนล่างเพื่อสะบัดข้อมือออกไป ทั้งลำตัว แขน และข้อมือยังเคลื่อนไปในความเร็วเท่ากันย่อมส่งผลทำให้ขาดจังหวะส่งแรงถ่ายทอดไปยังหน้าไม้ ตีแรงๆแบบนี้เท่าใดย่อมสูญเสียแรงไปโดยใช่เหตุ

อย่าลืมว่าพอลูกลอยออกไปจากหน้าไม้ของเราแล้ว จะทำให้ลูกมันเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้แล้วใช่ไหม ดังนั้นอย่าสูญเสียแรงหลังจากที่ลูกลอยออกจากไม้ไปแล้วอีก

นักปิงปองที่ชอบซื้อไม้ใหม่กับติดยางใหม่อยู่เรื่อยๆ มักมีสาเหตุประการหนึ่งเพราะไม่เห็นว่าไม้กับยางที่ตัวมีอยู่ดีอย่างไร ไม่รู้สึกว่าไม้ช่วยให้ควบคุมลูกปิงปองได้อย่างที่คิด ไม่รู้สึกว่ายางปิงปองจะช่วยให้ลูกปิงปองกระเด้งได้ดีขึ้น พอได้ไม้ใหม่มาสักพักก็เปลี่ยนหาของใหม่มาใช้อีก นี่แสดงว่ายังไม่รู้จักไม้ปิงปองของตัวเองดีพอ หลายคนตีลูกปิงปองได้แรงไม่ใช่เพราะได้ประโยชน์จากตัวไม้ราคาแพงกับยางปิงปองชั้นหนึ่งที่แปะไว้หรอก แต่ตีได้แรงที่เกิดจากการเหวี่ยงแขนของตัวเองต่างหาก ไม่เคยตีโดยมีความรู้สึกว่าแรงที่ได้นั้นส่วนไหนมาจากการกระเด้งของตัวไม้หรือแรงส่วนไหนมาจากการกระเด้งของตัวยางที่แปะ

ลองใช้แค่นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจับปลายด้ามปากกาแล้วเหวี่ยงแบบไม้ปิงปองเพื่อสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถ้าจับปากกาแรงๆจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของตัวปากกาเลยใช่ไหม จะรู้สึกเหมือนไม่ได้จับอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าจับปลายด้ามปากกาเบาๆแล้วเหวี่ยงแขน จะเห็นตัวปากกาสะบัดตามและรู้สึกถึงน้ำหนักของตัวปากกาขึ้นมาทันที

ความรู้สึกที่ว่านี้เป็นความรู้สึกที่ละเอียดมาก ยากที่จะเขียนอธิบายว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไร เมื่อใช้เวลาฝึกจนคุ้นเคยกับไม้ปิงปองและยางปิงปองที่ใช้ให้มากขึ้น เมื่อเหวี่ยงไม้เป็น มีวงสวิงที่ราบเรียบ ต่อเนื่องสวยงาม โดยจะรู้สึกถึงน้ำหนักของไม้ที่มือจับอยู่และรู้สึกถึงน้ำหนักของลูกปิงปองที่ลอยมากระทบไม้ได้ต่อเมื่อ

  1. จับไม้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป
  2. ใช้แรงจากนิ้วชี้และนิ้วโป้งที่กดบนหน้าไม้ได้อย่างสมดุล
  3. ไม่เกร็งขณะเหวี่ยงแขนท่อนบน จะรู้สึกถึงน้ำหนักของแขนท่อนล่าง
  4. ไม่เกร็งขณะเหวี่ยงแขนท่อนล่าง จะรู้สึกถึงน้ำหนักของไม้ที่อยู่ในมือ
  5. เหวี่ยงไม้โดยให้ลูกลอยมากระทบไม้ ไม่ใช่เอื้อมไม้ไปหาลูก
  6. มีช่วงเวลาที่ลูกปิงปองสัมผัสหน้าไม้นานขึ้น
  7. เหวี่ยงแขนโดยมีจังหวะเร่งส่งแรงไปตามทิศทางที่ตั้งใจส่งลูกไป

สมาธิและความตั้งใจจดจ่ออยู่กับการเหวี่ยงไม้สำคัญมาก ถ้าตีแบบขาดสติย่อมไม่มีทางรู้สึกถึงน้ำหนักของไม้ปิงปองและน้ำหนักของลูกปิงปองที่ลอยมากระทบ

ชัยชนะเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่จำไว้ไม่รู้ลืมว่าเคยแข่งปิงปองชนะคนนั้นคนนี้ สำหรับบางคนแม้เวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใดก็ยังจำได้ชัดถึงขนาดว่าชนะกี่คะแนน ซึ่งยุคนี้การแข่งขันปิงปองมีรางวัลเป็นตัวเงินเข้ามาล่อ ทำให้หลายคนไม่ได้เล่นปิงปองเพราะใจรักหรืออยากจะเล่นมาก เท่ากับความอยากชนะเพื่อเอาเงินรางวัลอีกต่อไป พอใกล้ฤดูกาลแข่งขันก็จะเห็นสนามปิงปองมีนักปิงปองมาฝึกซ้อมแน่นขนัด แต่พอพ้นการแข่งขันไปแล้วสนามปิงปองก็ว่างไม่มีคนเล่น

ด้วยความกระหายอยากชนะนี่เอง ทำให้แทนที่จะมุ่งใช้เวลาฝึกซ้อมให้คุ้นเคยกับเทคนิคการตีหลายๆแบบ กลับใช้เวลาไปกับการท้าคนนั้นคนนี้มาแข่งกัน คิดกันว่าเพื่อจะได้คุ้นเคยกับการแข่งขันและเป็นการวัดผลหาข้อบกพร่องในการตีของตัวเอง ซึ่งการซ้อมนับแต้มเพื่อมุ่งเอาชนะนี้ถ้าเอาแต่คิดว่าต้องชนะ ต้องชนะ ต้องชนะ เท่านั้น ไม่ยอมเสียแต้มง่ายๆ จะกลายเป็นการฝึกแต่ท่าเดิมๆที่ตัวเองใช้เป็นอยู่แล้ว ไม่ยอมลองตีแบบแปลกๆหรือเสี่ยงทดลองวิธีตีแบบอื่นที่ต่างไปจากเดิมบ้างเลย

ชัยชนะจะมีความหมายมากขึ้นดีกว่าการเอาชนะคนอื่น เมื่อนักปิงปองสามารถเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง เวลาซ้อมแข่งนับเกมกันไม่ควรมุ่งว่าตัวเองต้องชนะเท่านั้น แต่ให้ทดลองตีท่าแปลกๆหรือเสี่ยงมากขึ้นบ้าง แม้จะเสียแต้มแพ้บ้างก็ไม่เป็นไร

  • ลูกสั้นที่ตัวเองเคยเอาแต่รับแบบหงายหน้าไม้ยกกลับไป ควรเสี่ยงลองคว่ำหน้าไม้แล้วตี topspin แทนบ้าง
  • ลองฝึกเป็นฝ่ายรับ ไม่ต้องบุก ตีโต้ไปให้ข้ามเน็ตแล้วปล่อยให้คู่ต่อสู้ตีเสียเอง
  • ลองตั้งใจว่าจะไม่หงายไม้ แต่จะคว่ำหน้าไม้แทนทุกลูก
  • ลองเสริฟท่าแปลกๆที่ตัวเองรับไม่ค่อยได้ เพื่อเรียนรู้วิธีรับลูกเสริฟจากคู่ต่อสู้
  • ลองตีท่าที่ตัวเองตีได้ไม่ถนัด
  • ลองท่าพิสดารหรือตีลูกแบบไม่คาดคิดว่าเขาจะทำกัน
  • ลอง ฯลฯ

ชัยชนะเป็นเพียงจุดประสงค์หนึ่งในแผนระยะสั้น ความหลากหลายและความแปลกเป็นคุณสมบัติหนึ่งของแชมป์ที่จะครองชัยชนะอย่างเด็ดขาดในระยะยาว

Go to top