การตีแบบ hook หรือ fade เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมากในการฝึกแบ็คแฮนด์ของนักปิงปองมือใหม่ แทนที่จะตั้งหน้าไม้ให้ตั้งฉากกับทิศทางที่ต้องการส่งลูกออกไป เมื่อฝึกเหวี่ยงไม้ยังไม่คล่อง เหวี่ยงช้าไปบ้างเร็วไปบ้าง ทำให้ไม้กระทบลูกปิงปองตรงด้านนอกหรือด้านใน ลูกที่กระเด้งออกจากไม้กลายเป็นลูกหมุนข้างที่ไม่สามารถควบคุมความแม่นยำ ยากที่จะส่งลูกไปยังตำแหน่งที่ต้องการ

 

hookFade

 

ถ้าไม้กระทบตรงด้านนอกของลูกปิงปอง เรียกว่า hook เป็นลูกหมุนข้างตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าไม้กระทบตรงด้านใน เรียกว่า fade เป็นลูกหมุนข้างทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งนักปิงปองมือใหม่มักเหวี่ยงไม้ช้าไป ตีลูกประชิดใกล้ตัวเกินไป ส่วนนักปิงปองที่ฝึกจนชำนาญต้องสามารถตีลูกปิงปองได้ทุกแบบ โดยปรับหัวไม้ให้ชี้ลงหากต้องการ hook หรือปรับหัวไม้ให้ชี้ขึ้นหากต้องการ fade

 

 

ลูก Sidespin แบบ hook มีวิถีโค้งเข้าหาตัวคู่ต่อสู้จึงเหมาะสำหรับการตีอัดเข้ากลางลำตัวตรงใต้ข้อศอกขวา ส่วนลูกแบบ fade มีวิถีโค้งออกจากตัวคู่ต่อสู้จึงเหมาะสำหรับตีโยกลูกไกล

ปิงปองมีท่าทางไม่ต่างจากมวยจีนเท่าใดนัก ท่ายืนต้องมั่นคง หมัดต้องมีกำลัง สามารถใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างประสานกัน และมีท่าทั้งบุกและรับ ถ้าเขาแรงมาก็ต้องอ่อนไป ถ้าเขาอ่อนมาก็บุกกลับไป แต่ปิงปองไม่ได้มีแค่คู่ต่อสู้เท่านั้นที่ต้องเอาชนะ ยังต้องหาทางปรับวงสวิงเพื่อเอาชนะโต๊ะปิงปองที่ตั้งอยู่ข้างหน้าอีกด้วย

ยุคนี้นักปิงปองมักคลั่งไคล้อยากตีลูก topspin ให้เป็นตั้งแต่แรก ซึ่งต้องฝึกเหวี่ยงแขนให้มีวงสวิงจากล่างขึ้นบนเพื่อสร้างการหมุนแบบ topspin ให้กับลูกปิงปอง ยิ่งตีเฉียดผิวลูกปิงปองได้น้อยมากเท่าใด ยิ่งสร้างการหมุนได้มากขึ้น เริ่มจากเหวี่ยงแขนลงด้านล่างแล้วเหวี่ยงขึ้นมา ถ้าเหวี่ยงแขนเฉียงไปข้างหน้ามากกว่าไปข้างบนก็จะได้ลูกที่แรงมากกว่าหมุนกลายเป็น Loop Drive แต่ถ้าเหวี่ยงเฉียงไปข้างบนมากกว่าไปข้างหน้าจะได้ลูกที่หมุนมากกว่าแรง กลายเป็น Slow Loop

ซึ่งไม่ว่าจะเป็น Loop แบบใด ก็ต้องเหวี่ยงจากล่างขึ้นบนโดยไม่ให้ชนขอบโต๊ะ นั่นแสดงว่าต้องตีให้โดนลูกที่อยู่ไกลจากโต๊ะและตีโดนลูกในจังหวะที่ลูกมีความสูงจากโต๊ะไม่มากนัก แต่ถ้าคู่ต่อสู้ส่งลูกสั้นมาที่กระเด้งแล้วลอยไม่ถึงขอบโต๊ะล่ะ หากยังเหวี่ยงเป็นท่าเดียวแบบล่างขึ้นบนเห็นทีต้องเหวี่ยงไม้ชนโต๊ะแน่นอน เว้นแต่จะฝึกวงสวิงให้มีจุดเริ่มต้นไม่ต่ำกว่าระดับโต๊ะซึ่งผู้ตีท่านี้ได้ต้องใช้กำลังเสริมจากแรงดีดของขาและการบิดลำตัวอย่างมาก เพราะไม่มีระยะทางให้เหวี่ยงแขนส่งแรงจากล่างขึ้นบนได้เต็มที่

แทนที่จะเอาแต่ฝึกเหวี่ยงวงสวิงจากล่างขึ้นบนเป็นอยู่ท่าเดียว ควรฝึกกระบวนยุทธให้ไร้ท่าเพื่อสามารถดัดแปลงให้เข้ากับทุกสถานการณ์ หาทางฝึกเหวี่ยงแขนให้เป็นจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเหวี่ยงจากล่างขึ้นบน หรือเหวี่ยงจากบนลงล่าง หรือจะเหวี่ยงในแนวระนาบเดิม ทุกท่าสามารถสร้างลูกหมุนแบบ topspin ได้ทั้งนั้นเพียงรู้จักปรับมุมหน้าไม้ให้เป็นก็ได้แล้ว

 

 

เมื่อใดที่ลูกสูงกว่าเน็ต เมื่อนั้นต้องพยายามฝึกเหวี่ยงแขนตีลูกจากบนลงล่างให้เป็นด้วย

 

 

 

การจัดวางตำแหน่งข้อศอกขวาให้ดีถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งในการตีปิงปอง หากเอาข้อศอกแนบติดลำตัวไว้ตลอดย่อมทำให้หมดโอกาสใช้แรงเหวี่ยงจากแขนท่อนบนหรือหัวไหล่ นักปิงปองแบบนี้ทำท่าตีเหมือนกุ้งแห้งซึ่งงอตัวตรงบั้นเอวลงไปด้านข้างแล้วออกแรงจากการเคลื่อนลำตัวส่วนบนแทนทำให้ยากที่จะรักษาสมดุล เพราะลำตัวส่วนบนมีน้ำหนักมาก พอเอียงไปจากแนวตั้งก็จะทำให้ลำตัวทั้งหมดเซตาม

สาเหตุที่ขี้เกียจอ้าข้อศอกออกจากลำตัวเป็นเพราะรู้สึกว่าต้องออกแรงยกแขนท่อนบนเพื่ออ้าข้อศอก พอทำได้ไม่นานก็เมื่อยเลยเลิกอ้าข้อศอก โดยหารู้ไม่ว่าการบอกให้แก้ไขให้อ้าข้อศอกนั้นเป็นการแก้ไขที่ผิดจุด หากนักปิงปองพับลำตัวส่วนบนจนถึงเอวลงมาด้านหน้าแล้วปล่อยแขนท่อนบนให้ห้อยทิ้งน้ำหนักตกลงมาตรงๆ จะพบว่าข้อศอกอ้าออกห่างจากลำตัวได้เองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องเหนื่อยอ้าข้อศอกให้เมื่อยแม้แต่น้อย

พอท่าเริ่มต้นมีช่วงห่างระหว่างข้อศอกกับลำตัวดีแล้ว จะสามารถเหวี่ยงแขนท่อนบนโดยใช้แรงจากหัวไหล่ได้สะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะการตีแบคแฮนด์ให้ยกข้อศอกไปข้างหน้าลำตัวให้มากหน่อย (ไม่ใช่ด้านข้างอย่างเดียว) เพื่อทำให้มีระยะห่างสำหรับเหวี่ยงอัดแรงจากแขนท่อนบนและแขนท่อนล่างเข้าหาลำตัวได้มากขึ้น จะตีได้แม่นยำและแรงมากขึ้น ดีกว่าเอาแต่ใช้แรงจากข้อมือซึ่งออกแรงได้น้อยกว่าแรงจากแขนอย่างมาก

ในจังหวะที่ไม้กระทบลูก ตำแหน่งของข้อมือควรยกไม้ให้สูงกว่าหรือเท่ากับปลายสุดของข้อศอกขวา เพราะการปล่อยไม้ให้ตกลงย่อมทำได้ง่ายและเร็วกว่าการยกไม้ขึ้น ที่สำคัญกว่าคือจะช่วยในการควบคุม ทำให้สามารถปิดหน้าไม้ให้คว่ำลงได้ง่ายจากการคว่ำช่วงแขนท่อนล่างลงโดยไม่ต้องใช้ข้อมือบิดหน้าไม้แม้แต่น้อย จะพลิกแพลงท่าเสริฟได้ง่ายขึ้น และพอตำแหน่งข้อมืออยู่สูงกว่าข้อศอกจะมีช่วงการเหวี่ยงแขนท่อนล่างได้กว้างและยืดหยุ่นต่อการรับลูกมากขึ้น จะสามารถบุกลูกบนโต๊ะได้สะดวกโดยไม่ต้องเหวี่ยงแขนท่อนบนมากนัก

 

 สังเกตภาพต่อไปนี้ ตำแหน่งข้อศอกขวามีระดับต่ำกว่าหรือระดับเดียวกับข้อมือในจังหวะที่ไม้กระทบลูก

Malong01

MaLong02

การ topspin ที่ลากไม้จากล่างขึ้นบน แม้แต่ในจังหวะที่ไม้กระทบลูกในระดับต่ำ
ตำแหน่งข้อศอกขวาอยู่ระดับต่ำกว่าหรือระดับเดียวกับข้อมือเช่นกัน

elbowPosition

ถ้าใครไม่ยอมย่อตัวลงมา จะพบว่าเวลาตีลูกสั้นและเลียดบนโต๊ะจะมีระดับของมืออยู่ต่ำกว่าข้อศอก ถ้ารับเสร็จแล้วลืมยกมือขึ้นให้สูงกว่าข้อศอกไว้เตรียมพร้อม ถ้าลูกต่อมาถูกส่งเข้าชิดตัวและมีวิถีโค้งสูงกว่าปกติจะตีกลับได้ไม่สะดวก นี่คือสาเหตุที่นักปิงปองมักเสริฟสั้นลงทางด้านขวาปลายสุดมือของคู่ต่อสู้

ส่วนการตีแบคแฮนด์แบบ Chiquita หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Banana Flip ซึ่งตีลูกสั้นบนโต๊ะ ต้องยกข้อศอกขวาให้สูงกว่าข้อมือ ทำให้สามารถสอดไม้ปิงปองลงด้านข้างของลูกเพื่อปั่นลูกให้หมุนแบบ sidespin โดยกระทบลูกที่ขั้วของการหมุนซึ่งมีอิทธิพลของลูกที่หมุนมาน้อยที่สุด แต่ถ้าเป็นลูกยาวนอกโต๊ะที่ลูกย้อยต่ำอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องยกข้อศอกขวาให้สูงกว่าข้อมือเพราะข้อมือมีระดับต่ำอยู่ในตัวอยู่แล้ว

นอกจากนี้เพื่อช่วยรักษาสมดุลเวลาเหวี่ยงแขน ตำแหน่งข้อศอกซ้ายต้องห่างจากลำตัวและยกแขนท่อนล่างขึ้นให้ข้อมือซ้ายมีระดับสูงกว่าข้อศอกซ้ายเช่นกัน ห้ามปล่อยแขนซ้ายตกลงแนบติดลำตัวหรือยกแขนท่อนบนแนบติดลำตัวเด็ดขาด นักปิงปองจีนที่ถนัดขวามีท่าเหวี่ยงแขนซ้ายที่สวยมากเหมือนรำมวยจีนทีเดียว

ญี่ปุ่นสนับสนุนให้เล่นกีฬาตั้งแต่เป็นเด็ก มีการ์ตูนแข่งโกะ เทนนิส และปิงปอง ส่วนภาพยนตร์ที่ใช้คนจริงๆเล่นก็มีที่กระตุ้นให้เด็กที่ฝึกว่ายน้ำให้ดีดตัวทีเดียวเหิรเหนือผิวน้ำข้ามหัวคู่แข่งที่ว่ายท่าธรรมดา หรือยูโดมีท่ากงจักรนรกที่เอาชนะพระเอกในตอนต้นเรื่อง ต่อมาพระเอกคิดท่ากงจักรนรก 2 ชั้นกลางอากาศขึ้นมาเอาชนะได้ในที่สุด มีท่าไม้ตายสารพัดแบบที่ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ ซึ่งแม้จะเป็นไปไม่ได้แต่ช่วยให้เด็กญี่ปุ่นมีความคิดสร้างสรรค์หาทางทำสิ่งที่ปกติคนธรรมดาไม่ทำกัน อย่างหัวเรื่องวงสวิง 2 ชั้นนี้น่าจะแต่งใหม่เป็นวงสวิง 2 ชั้นกลางอากาศบ้างเหมือนกันจะได้ดูแล้วเตะตาขึ้นหน่อยหรือทำให้คิดว่าเป็นเรื่องโม้แล้วกระมัง แต่เป็นเรื่องที่ทำได้จริงไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด

ถ้าเหวี่ยงแขนตีโฟร์แฮนด์โดยใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนจุดเดียว แขนทั้งแขนจะเคลื่อนตามกันไปโดยมีหัวไหล่เป็นจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงใช่ไหม แม้สะบัดแขนท่อนล่างโดยใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุนก็ยังเหวี่ยงไปในแนวเดียวกันกับแขนท่อนบน นี่คือวงสวิงปกติแบบชั้นเดียวที่ใช้กัน ข้อดีของวงสวิงแบบนี้จะทำให้แรงจากการเหวี่ยงแขนทั้งจากท่อนบนและท่อนล่างเสริมกันเพราะมีระนาบและทิศทางของการเคลื่อนที่ไปในแนวเดียวกัน แต่กลับต้องใช้ระยะทางยาวในการเหวี่ยง

วงสวิงโฟร์แฮนด์สามารถปรับจากชั้นเดียวให้เป็น 2 ชั้นได้ไม่ยาก แค่ปรับการเหวี่ยงของแขนท่อนล่างให้มีแนวระนาบต่างจากแขนท่อนบน เช่น เหวี่ยงแขนท่อนบนให้ข้อศอกเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตรงๆเหมือนกับท่าตีศอกเสยขึ้นของมวยไทยแต่ไม่ต้องถึงกับต้องยกศอกขึ้นสูง และในขณะเดียวกันให้เหวี่ยงแขนท่อนล่างให้หน้าไม้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าทำมุม 45 องศากับผิวโต๊ะ นี่เป็นเพียงตัวอย่างให้ดูว่าการเหวี่ยงแขนของคนเราสามารถทำได้หลายแบบ ไม่จำกัดว่าต้องเหวี่ยงในแนวเดียวกันไปทั้งแขน

วงสวิง 2 ชั้นจะช่วยทำให้การตีแบคแฮนด์มีอานุภาพมากขึ้นจากการเคลื่อนแขนท่อนบนจากต่ำไปสูงเพื่อให้ข้อศอกเคลื่อนไปข้างหน้าตรงๆ ในขณะเดียวกันให้เหวี่ยงแขนท่อนล่างจากซ้ายไปขวาโดยใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุน คล้ายกับท่าต่อยแย้บผสมกับการตบใส่หน้าคู่ต่อสู้ด้วยหลังมือไปพร้อมกัน

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ขอให้คิดจินตนาการกันเอง วงสวิงของจริงไม่ได้มีจำกัดแค่ 2 ชั้นเท่านั้น

กว่านักปิงปองจะประสบความสำเร็จต้องมีความมุมานะ ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง ซึ่งคำว่าจริงจังนี่ต้องเป็นไปในทางที่ถูกต้องด้วย ถ้าฝึกซ้อม multi ball ที่ผู้สอนป้อนลูกมาให้อย่างจริงจัง แต่ไม่ได้หาทางปรับปรุงท่าทางการตีให้ดีขึ้น จะทำให้ยังคงใช้ท่าตีแบบผิดๆแล้วยิ่งติดแน่นแก้ไขยากยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นนิสัยสันดานติดตัวไปตลอด

นิสัยสันดานที่ไม่ดีใช่ว่าแก้ไม่ได้ หากมีความตั้งใจ ต้องการแก้ไขท่าตีให้ถูกต้อง ทุกครั้งที่ฝึกต้องพยายามฝืน เลิกตีท่าเดิม แน่นอนว่าช่วงแรกต้องรู้สึกอึดอัดเพราะยังตีไม่ถนัด หลายคนพอลงแข่งแล้วแพ้เพราะยังตีท่าใหม่ไม่ถนัด ด้วยเหตุที่อยากชนะเลยหยุดความตั้งใจแล้วหวนกลับไปตีท่าทางแบบผิดต่อไปอีก โดยเฉพาะผู้อาวุโส นักปิงปองที่มีอายุมาก มักอ้างว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะแก้แล้ว

ขอให้พยายามแก้ไข ค่อยๆแก้ทีละนิดย่อมดีกว่าไม่แก้ไขเลย ทุกอย่างแก้ได้หากตั้งใจจริง

นักปิงปองหลายคนมีความเชื่อว่าท่าทางการตีปิงปองของตัวเองดีอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวว่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่อีกมาก คนไทยก็มีนิสัยเสียที่ปากกับใจไม่ค่อยตรงกัน มักชอบชมแต่ไม่ยอมติ พอได้ยินแต่คำชมว่าตีดีแล้ว ท่าสวยแล้ว คนฟังเลยเหลิง เลิกฝึกเบสิก ไม่หาทางปรับปรุงท่าตีแบบเดิมๆของตัวเองให้ดีขึ้น

สาเหตุหนึ่งที่นักปิงปองไม่เอาจริงจังในการฝึกกันมากนัก เพราะไม่เคยเห็นการฝึกซ้อมที่เอาจริงเอาจังมาก่อน เวลาฝึกซ้อม ในห้องฝึกต้องห้ามพูดจาหรือส่งเสียงร้องรบกวนสมาธิ ถึงไม่ได้ลงสนามฝึกก็ต้องตั้งใจนั่งดูเพื่อนๆคอยสังเกตว่าเขาตีแบบใดหรือไม่ก็ต้องช่วยเดินเก็บลูก

การตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวันถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนการฝึกที่ไม่เอาจริง ตีเล่นๆมากกว่าเอาจริง ตีไปคุยไป ฝึกไปก็แทบไม่ได้อะไร

ด้วยความว่องไวทำให้ปิงปองยังคงเป็นกีฬาที่คนตัวสูงใหญ่ไม่สามารถเอาเปรียบคนตัวเล็ก ถ้าสักวันหนึ่งคนตัวใหญ่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้ไวขึ้น คนตัวเล็กจะหมดทางสู้ไปเลยเพราะคนตัวใหญ่มีมวลมาก ทำให้มีโมเมนตัมที่ถ่ายเทพลังงานไปที่ลูกปิงปองได้มาก ทำให้ตีลูกได้แรงเพราะน้ำหนักตัวที่ช่วยเป็นแรงเสริม เมื่อตีได้ทั้งแรงและเร็วไปพร้อมกันย่อมยากจะหาใครมาเอาชนะ

ไม่ว่าจะเป็นคนตัวใหญ่หรือตัวเล็ก นักปิงปองต้องฝึกฝนหาทางถ่ายน้ำหนักตัวเข้าหาลูกให้เต็มที่ แต่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าต้องขยับลำตัวไปข้างหน้าในขณะที่เหวี่ยงแขนไปข้างหน้าจึงจะทำให้ตีลูกได้แรงที่สุด

การถ่ายน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง ต้องยังคงรักษาสมดุลของร่างกายได้เสมอ เมื่อถ่ายนำหนักไปเท้าหลังเพื่ออัดพลัง ต้องควบคุมให้จุดศูนย์กลางของน้ำหนักตัว (Center of Gravity) เคลื่อนไปไม่เกินเท้าหลัง เมื่อถ่ายนำหนักไปเท้าหน้าเพื่อปล่อยพลัง ต้องควบคุมให้จุดศูนย์กลางของน้ำหนักตัว (Center of Gravity) เคลื่อนไปไม่เกินเท้าหน้า

centerOFgravity

อย่ายึดติดกับบางตำราที่ว่าต้องทิ้งน้ำหนักลงเท้าหลัง 80% คงไว้ที่เท้าหน้า 20% ในจังหวะอัดแรง เพราะในบางท่าตี เราอาจจำเป็นต้องทิ้งน้ำหนักลงเท้าหลัง 100% เพื่อใช้แรงดีดจากขาหลังให้เต็มกำลังที่มี หรือบางลูกอาจจำเป็นต้องใช้แรงดีดจากขาทั้งสองข้างพร้อมๆกันก็ได้

นักปิงปองต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าแรงที่ถ่ายจากขาไม่ได้ทำให้หน้าไม้ตีได้แรง แต่แรงจากขาจะเป็นแรงผลักให้ลำตัวเคลื่อนที่ไปข้างหน้า พอลำตัวเคลื่อนไปข้างหน้าได้แล้วก็ต้องหยุดแรงจากขา ไม่ใช่ว่ายังคงยืดขาตามต่อไป

พอลำตัวเคลื่อนไปข้างหน้า จะถ่ายทอดแรงไปที่แขนท่อนบนให้ขยับตัวของมันเอง จากนั้นต้องหยุดการเคลื่อนลำตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนปล่อยให้แขนท่อนบนสะบัดออกไป

พอแขนท่อนบนสะบัดออกไป จะถ่ายแรงมาที่แขนท่อนล่างให้ขยับตัวของมันเอง จากนั้นต้องหยุดการเหวี่ยงแขนท่อนบนเพื่อให้ใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุนปล่อยให้แขนท่อนล่างสะบัดออกไป ซึ่งแรงจากการสะบัดนี้จะเกิดแรงเร่งแบบชั่วขณะในระยะเวลาที่สั้นมากๆ เรียกว่าแรงระเบิด (Explosive Power)

แรงระเบิดจะมีอานุภาพสูงสุดต่อเมื่อข้อมือสะบัดไปโดนลูกปิงปองในขณะที่แขนท่อนล่างเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในจังหวะที่เร็วที่สุดด้วยและในจังหวะที่ไม้กระทบลูกนั้นแนวของมือและแขนท่อนล่างต้องเป็นแนวเส้นตรงเดียวกัน จึงจะทำให้ตีได้แรงและแม่นยำพร้อมกันไป หากควบคุมข้อมือให้สะบัดไม้เฉียดผิวลูกจะทำให้เกิดลูกที่หมุนมาก

ข้อผิดพลาดที่เห็นกันบ่อยๆแม้แต่นักปิงปองที่เป็นแชมป์ก็ยังทำกันอยู่เกิดจากการล้อคมุมข้อศอกไว้คงที่ตลอดเวลาในการตีโฟร์แฮนด์ โดยจะเห็นว่าใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนเหวี่ยงแขนแต่ไม่ได้ใช้ข้อศอกเป็นจุดหมุนในการส่งแรงลำดับถัดไป นั่นเป็นเพราะจับไม้ปิงปองแรงเกินไปทำให้กล้ามเนื้อแขนเกร็งและไม่ได้เหยียดแขนท่อนล่างออกในจังหวะอัดแรง

นอกจากนี้มักพยายามใช้แรงจากข้อมือสะบัดออกไปทั้งๆที่กล้ามเนื้อข้อมือมีพลังน้อยที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าหากถ่ายทอดแรงมาสู่แขนท่อนล่างได้ถูกจังหวะแล้ว แค่ปล่อยให้ข้อมือเคลื่อนที่ของมันเอง มือจะสะบัดเข้าเองตามแขนท่อนล่างเมื่ออัดแรงและมือจะสะบัดออกเองตามแขนท่อนล่างที่เคลื่อนไปหาลูกโดยไม่ได้ออกแรงสะบัดข้อมือเท่าใดนัก

ส่วนการตีแบคแฮนด์ที่เสียแรงโดยใช่เหตุ มักพบท่าตีที่ข้อศอกกลับเคลื่อนมาข้างหลังในขณะที่ไม้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า มักพบท่านี้เสมอเมื่อฝึกตีลูกแบคแฮนด์ Topspin

ปิงปองยุคนี้ตีเร็วและแรงอย่างมาก ถ้ามัวแต่บิดเอววาดวงสวิงพร้อมกับถ่ายน้ำหนักจากขาหลังมาขาหน้าตามแบบที่ใช้กันก็ช้าเกินไปเสียแล้ว โดยเฉพาะการตีด้านแบคแฮนด์ที่มักถูกโจมตีเป็นประจำในการแข่งขัน หากพยายามโต้กลับโดยเคลื่อนตัวไปตีด้วยโฟร์แฮนด์ก็จะเปิดพื้นที่บนโต๊ะทางด้านขวาให้เปิดโล่ง กลายเป็นพื้นที่ว่างให้คู่ต่อสู้ส่งลูกยาวโยกกลับมา แต่ถ้ายังยืนอยู่ที่เดิมเพื่อหวังจะตีด้วยแบคแฮนด์ท่าเดิมๆที่ฝึกกัน พอเอื้อมแขนไปตีจนสุดมือไกลตัวก็จะออกแรงไม่ถนัดเสียอีก ทางแก้ที่หลายคนชอบใช้กันก็คือถอยออกไปตีลูกช้าลงหน่อย แต่พอถอยออกไปก็จะทำให้ต้องเคลื่อนตัวเข้าออกไกลมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าฟุตเวิร์คไม่ดีจริงมักจะตั้งหลักกลับมาตั้งท่าเตรียมพร้อมไม่ทัน ดังนั้นใครก็ตามที่ชอบถอยออกไปตีด้วยแบคแฮนด์แรงๆ มักเสียท่าทุกครั้งเมื่อถูกคู่ต่อสู้ตีสวนกลับมาเร็วๆทางด้านแบคแฮนด์ซ้ำ

การที่จีนเป็นประเทศที่ครองตำแหน่งแชมป์โลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้นั้น ไม่ใช่เพราะนักกีฬาของเขาแข็งแกร่งอย่างเดียว แต่จีนยังพัฒนาวิธีตีปิงปองให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่เสมอและที่สำคัญคือต้องเป็นวิธีการที่นำหน้านักปิงปองของชาติอื่นๆอีกด้วย

แทนที่จะใช้การเหวี่ยงไม้ตีแบคแฮนด์แบบเดิมๆ ซึ่งวิธีเดิมจะเริ่มจากอัดแรงไปทางซ้ายแล้วปล่อยแรงเหวี่ยงไม้จากซ้ายไปขวาโดยมีจุดที่ไม้กระทบลูกบริเวณกลางลำตัวค่อนไปทางซ้าย ส่วนวิธีใหม่นี้ให้ฝึกแบคแฮนด์โดยออกแรงเหวี่ยงในแนวโค้งให้น้อยลงแต่ออกแรงในแนวตรงๆให้มากขึ้นคล้ายกับการปล่อยหมัดแย้บต่อยจากทางขวาของเอว

 

 

 

เพียงคุมหน้าไม้ให้ดีเหมาะกับลูกที่หมุนมาแล้วออกแรงผลักจากไหล่ออกไปตรงๆโดยให้ไม้กระทบลูกในตำแหน่งค่อนไปทางขวาของลำตัวเกือบสุดปลายมือเสียด้วยซ้ำ โดยกางข้อศอกขวามากหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับอัดและปล่อยแรงจากข้างลำตัวได้ง่ายขึ้น เมื่อปล่อยแรงสุดแล้วจะเห็นว่าแขนเหยียดยาวเป็นเส้นตรงชี้ไปทางเดียวกับลูกโดยใช้แขนซ้ายยืดออกไปคู่ขนานกับแขนขวาเพื่อรักษาสมดุล เมื่อเสริมกับแรงดีดของเอวและขาแล้วจะกลายเป็นลูกแบคแฮนด์ที่แรง เร็ว และหมุนอย่างยิ่ง

 

นักปิงปองมือใหม่มักบ่นว่าไม้ปิงปองกระเด้งไม่แรงพอ บ่นแล้วบ่นอีก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็หันไปซื้อไม้ปิงปองที่กระเด้งแรงสุดๆแบบ Offensive +++ และใช้ยางปิงปองที่กระเด้งสุดเช่นกัน ซึ่งไม้ปิงปองที่จะมีคุณสมบัติเช่นนี้ได้ก็คือไม้ที่มีน้ำหนักมาก อย่างน้อยตัวไม้มีน้ำหนักอย่างน้อย 90 กรัมขึ้นไปซึ่งต้องเสียแรงเหวี่ยงมิใช่น้อย

สาเหตุที่ไม้ที่มีน้ำหนักมากสามารถตีลูกปิงปองออกไปได้แรงเกิดจากน้ำหนักของไม้ทำให้สร้างโมเมนตัมได้มากกว่าไม้ที่มีน้ำหนักเบา ตามสูตร โมเมนตัม = มวล x ความเร็ว หรือ P = MV แต่ใช่ว่าไม้ที่มีน้ำหนักเบาจะตีลูกออกไปได้แรงน้อยกว่าเสมอไปไม่ หากนักปิงปองรู้จักก้าวเท้าเข้าหาลูกแล้วถ่ายน้ำหนักตัวเข้าหาลูก

การก้าวเท้าเข้าหาลูกจะช่วยทำให้เลิกเอื้อมหรือบิดตัวตี ถ้าไม่ยอมขยับตัวแล้วใช้แต่แรงแขนตีอย่างเดียว โมเมนตัมที่เกิดขึ้นจะได้จากมวลของแขนกับแรงที่ได้มาจากแขนเหวี่ยงออกไปเท่านั้น แต่ถ้ารู้จักเคลื่อนตัวแล้วถ่ายน้ำหนักตัวเข้าหาลูก น้ำหนักตัวของผู้เล่นเองที่โถมเข้าหาลูกจะสร้างโมเมนตัมได้สูงกว่าการใช้แขนเหวี่ยงอย่างเดียว

น้ำหนักตัวส่วนใหญ่ของร่างกายอยู่ที่ส่วนของสะโพกและลำตัว ซึ่งกว่าจะเคลื่อนตัวเข้าลูกได้จังหวะพอดีต้องอาศัยเวลานานกว่าการเหวี่ยงแขนอย่างเดียว ดังนั้นในการฝึกซ้อมจึงไม่ควรฝึกตีลูกปิงปองให้เร็วเกินกว่าที่ร่างกายจะเคลื่อนตัวทัน ควรฝึกอ่านลูกให้ออกว่าคู่ต่อสู้จะตีมาอย่างไรในทิศทางใด ฝึกคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อช่วยทำให้มีเวลาเพียงพอที่จะเคลื่อนตัวเข้าหาลูกและอัดแรงไปที่เท้าหลังโดยบิดสะโพก เอว และลำตัวตาม ฝึกตีลูกช้าๆก่อนจนกว่าจะเคลื่อนตัวได้เร็วพอแล้วจึงตีให้เร็วและแรงขึ้น

ในการฝึก ถ้าใส่ใจกับการเหวี่ยงแขนและหน้าไม้มากเกินไปมักทำให้ลืมการถ่ายน้ำหนักตัว ดังนั้นจึงไม่ควรใส่ใจกับการเหวี่ยงแขนและหน้าไม้เกินไปนัก

โมเมนตัมที่เกิดจากการถ่ายน้ำหนักจะถ่ายเทไปยังลูกปิงปองได้ดีต่อเมื่อในจังหวะที่ไม้กระทบลูกนั้นเคลื่อนลำตัวพร้อมกับแขนและหน้าไม้พร้อมกันไป หรือถ้าจะทำให้โมเมนตัมถ่ายเทได้เต็มที่ ต้องฝึกเคลื่อนลำตัวไปข้างหน้าหรือหมุนเอวแล้วปล่อยให้ลำตัวเคลื่อนที่ช้าลงเพื่อทำให้โมเมนตัมจากน้ำหนักลำตัวถ่ายเทไปที่แขนเพื่อเร่งความเร็วของหน้าไม้ในที่สุด

ปิงปองยุคนี้เอาชนะกันด้วยลูกท้อปสปินเป็นหลัก พอรับลูกที่ท้อปสปินมาแล้วกระเด้งออกไม่ลงโต๊ะก็มักแนะนำให้บล้อคโดยปิดหน้าไม้คว่ำลงให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ถูกต้องแต่อธิบายไม่ครบ เพราะถึงจะปิดหน้าไม้แล้วยังต้องใส่ใจว่ากระทบลูกในจังหวะไหนและออกแรงโต้กลับไปอย่างไรในทิศทางของหน้าไม้เช่นใดด้วย

blockTopSpin

จากภาพบนรูปแรก ตามปกติถ้ารับลูกปิงปองที่ไม่หมุนโดยตั้งหน้าไม้ให้ตั้งฉากกับโต๊ะไว้

  • ถ้าไม้กระทบลูกในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งขึ้น ลูกปิงปองก็จะกระเด้งออกจากไม้เป็นมุมขึ้นอยู่แล้วตามเส้นสีน้ำตาล พอเจอลูกที่มุมท้อปสปินมาจะมีแรงผลักทำให้มุมกระเด้งออกจากไม้เงยขึ้นกว่าเดิมอีกตามเส้นสีเขียว
  • ถ้าไม้กระทบลูกในจังหวะที่ลูกกระเด้งขึ้นสูงสุด ลูกปิงปองก็จะกระเด้งออกจากไม้เป็นมุมขนานไปข้างหน้าตามเส้นสีน้ำตาล พอเจอลูกที่มุมท้อปสปินมาจะมีแรงผลักทำให้มุมกระเด้งออกจากไม้เงยขึ้นกว่าเดิมอีกตามเส้นสีเขียวแต่จะเป็นมุมเงยน้อยกว่าการกระทบลูกในจังหวะกระเด้งขึ้น
  • ถ้าไม้กระทบลูกในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งลง ลูกปิงปองก็จะกระเด้งออกจากไม้เป็นมุมลงตามเส้นสีน้ำตาล พอเจอลูกที่มุมท้อปสปินมาจะมีแรงผลักทำให้มุมกระเด้งออกจากไม้เงยขึ้นตามเส้นสีเขียว โดยเป็นมุมเงยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จังหวะที่โต้กลับลูกท้อปสปินได้ง่ายที่สุดคือตีลูกในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งลง เพราะมุมของลูกที่กระเด้งลงจะหักล้างกับอิทธิพลของลูกที่หมุนมาแบบท้อปสปินไปในตัว แต่การตีโต้ช้าลงจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งขันบุกกลับมาได้อีก ดังนั้นจึงต้องหาทางโต้กลับไปให้เร็วที่สุดโดยตีกลับไปในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งขึ้นหรือที่จุดสูงสุดเป็นอย่างช้าที่สุด ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกกำลังหมุนแรงและมีแรงดีดออกจากโต๊ะแรงมาก นักปิงปองจึงต้องรู้จักอ่านแรงและความหมุนของลูกปิงปองที่ส่งมาให้ออกว่าจะปิดหน้าไม้มากน้อยเพียงใดและต้องออกแรงโต้กลับไปหรือบางครั้งอาจต้องถอยหน้าไม้กลับเพื่อลดแรงสะท้อนกันเลยทีเดียว

ถ้าตีลูกในจังหวะกระเด้งลงโดยคว่ำหน้าไม้ด้วย ย่อมยากจะตีโดนลูก และถ้าลูกที่ส่งมาหมุนไม่มากหรือไม่หมุนเลยก็จะตีติดเน็ตได้ง่ายๆ

ถึงจะตั้งหน้าไม้ให้ดีแล้วและออกแรงได้ถูกต้องแล้ว ข้อผิดพลาดที่ทำให้ลูกยังกระเด้งออกไปไม่ลงโต๊ะมักเกิดจากนักปิงปองไม่ได้ตั้งหน้าไม้ไว้เฉยๆแต่กลับเผลอเหวี่ยงหน้าไม้สวนกลับไปด้วย ตามรูปที่สองด้านล่างหากเหวี่ยงหน้าไม้ส่งแรงแบบเฉือนผิวลูกออกไปเหมือนกับจะท้อปสปินสวนกลับไปแค่ขยับไม้ไปนิดเดียวก็ตาม แรงที่หน้าไม้ส่งออกไปจะสวนทิศทางกับการหมุนของลูกที่ท้อปสปินมาทำให้แรงจากการหมุนท้อปสปินมีอิทธิพลต่อยางปิงปองมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

หากจะโต้กลับลูกท้อปสปินแบบบุกกลับด้วยลูกท้อปสปินโดยตีกลับไปในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งขึ้น ต้องตั้งหน้าไม้ให้ปิดมากๆจนเกือบจะขนานกับพื้นโต๊ะทีเดียว อีกวิธีหนึ่งให้กระแทกส่งแรงผ่านจุดศูนย์กลางของลูกปิงปองกลับไปซึ่งเรียกว่า Punch Block หรือจะเลี่ยงไปโต้กลับแบบ Sidespin โดยตีลูกปิงปองให้โดนที่ขั้วของการหมุนซึ่งแรงจากการหมุนมีอิทธิพลน้อยที่สุด

ในการฝึกช่วงแรกควรฝึกตั้งหน้าไม้ไว้เฉยๆก่อนจนกว่าจะคุ้นเคยว่าต้องปิดหน้าไม้มากน้อยเพียงใดในลูกที่กระเด้งจังหวะใด เมื่อสามารถควบคุมความแรงและตำแหน่งที่ลูกลงโต๊ะได้แล้วจึงฝึกบุกกลับ โดยเฉพาะนักปิงปองทีใช้ยางที่กระเด้งแรงและหมุนแรงๆต้องฝึกจนตัวเองเข้าใจสามารถควบคุมการกระเด้งของยางปิงปองของตัวเองได้เชื่องก่อน

สมัยที่ผมฝึกปิงปองกับครูจันทร์ ชูสัตยานนท์ที่ใต้ถุนอัฒจันทร์ยิมเนเซียม 1 สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ต้องฝึกตีปิงปองให้ได้ทุกท่าทั้งบุก หยอด  half-valley ตบลูกโด่ง หรือแม้แต่ฝึกรับแบบแบ็คสปิน นักปิงปองทุกคนต้องผลัดกันฝึกเป็นมือรับเพื่อช่วยฝึกให้เพื่อนๆได้ฝึกบุกแบบท้อปสปิน ทำให้ทุกคนมีพื้นฐานสามารถตีปิงปองได้ทุกท่า

การเป็นมือรับไม่จำเป็นต้องถอยออกไปห่างโต๊ะแล้วตีแบบแบ็คสปินเสมอไป ทุกท่าที่สามารถใช้โต้กลับลูกที่บุกมาเรียกได้ว่าเป็นการรับลูกได้ทั้งนั้น

แทนที่จะต้องออกแรงบุกกลับไป ให้ใช้แรงของคู่ต่อสู้ที่ตีลูกมาให้เป็นประโยชน์ รับลูกส่งกลับไปด้วยการหมุนแบบแปลกๆ เปลี่ยนจากการใช้แรงมาเป็นการเล่นทิศทาง ปรับระยะที่ลูกลงให้สั้นบ้าง ยาวบ้าง ฉีกมุมบ้าง โค้งย้อยบ้าง เลียดบ้าง ผสมกันได้สารพัด

เวลาเจอนักปิงปองที่เก่งกว่าแล้วคุณเล่นไม่ออกเลย นั่นแสดงว่าคุณคุ้นเคยแต่การบุกเป็นอย่างเดียว ถ้าคุณเล่นปิงปองได้เก่งจริงต้องสามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องบุก

 

 

 

 

 

 

 

แรงกว่า หมุนกว่า เร็วกว่า เป็นเป้าหมายสำคัญเพื่อเอาชนะในการแข่งขัน แต่ต้องรู้จักควบคุมให้ดีด้วยว่าต้องออกแรงแค่ไหนจึงจะพอ

  1. สร้างความได้เปรียบ
  2. ไม่ทำให้เสียเปรียบ
  3. เอาตัวรอดได้

ในจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังเสียเปรียบ เช่น ถูกโยกจนเสียสมดุล หรือต้องรับลูกในท่าที่ไม่ถนัด เพียงตีเบาๆไปในทิศทางที่ถูกต้อง แค่นี้ก็ทำคะแนนได้แล้ว

ถ้าเราเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องรู้จักเอาตัวรอดไว้ก่อน เก็บพลังงานเอาไว้ใช้ในลูกต่อไปจะเหมาะกว่า

คำว่า สมาธิ ในความหมายทั่วไป หมายถึง การมีใจจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่แสดงว่าต้องมีสมาธิอยู่แล้ว ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ต้องใช้สมาธิช่วยทำให้ตั้งใจทำสิ่งนั้น ถ้าสมาธิสั้นจะวอกแวกฟุ้งซ่านไปสนใจเรื่องอื่น ไม่สามารถมีสมาธิอยู่กับเรื่องเดิมได้นาน

ความสนใจ เป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้มีความตั้งใจที่จะเข้าไปคลุกคลีกับเรื่องที่สนใจนั้น ถ้าสนใจแบบฉาบฉวยจะทำให้ความตั้งใจลดลง สมาธิยิ่งสั้นลงตาม

คำว่า สมาธิในการปฏิบัติธรรม หลายคนแปลว่า เป็นการฝึกทำใจให้นิ่ง แล้วเข้าใจผิดว่า นิ่งในที่นี้หมายถึงการนั่งนิ่งๆไม่ไหวติงแล้วทำใจให้นิ่งไม่คิดอะไรตามไปด้วย บ้างเข้าใจผิดว่า ทำใจให้นิ่ง หมายถึงการปล่อยใจให้สบายๆ เคลิ้มๆ แบบช่วงเผลอไม่ได้คิดไม่ได้รู้สึกอะไร พอมองตาจะเห็นตาเหม่อลอย ถ้ามีอาการแบบนี้ไม่ใช่สมาธิ

สมาธิในการปฏิบัติธรรม เป็นทั้งกริยาทำสมาธิ และเป็นทั้งนามเมื่อทำสมาธิต้องได้สมาธิ

สมาธิในแง่ของกริยา หมายถึง การตั้งใจให้มั่น ตั้งใจเหมือนกับการตั้งของอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา ให้มั่นเหมือนกับทำให้มั่นคง ตั้งตรง ไม่ล้ม ไม่เอียง ไม่ส่ายไปส่ายมา

ขออธิบายเรื่องสมาธิเทียบกับการตั้งตะเกียบในขวดโหล

จิตของคนหนึ่งๆ ในขณะที่ยังไม่มีสมาธิ เหมือนกับตะเกียบนับร้อยอันที่เสียบไว้ในขวดโหล พอเขย่าขวดจะเห็นตะเกียบส่ายไปส่ายมา เกิดเสียงกระทบกันลั่นไม่รู้ว่าเป็นเสียงตะเกียบคู่ใดบ้างที่กระทบกัน

พอเริ่มเข้าสมาธิ เหมือนกับการทยอยหยิบตะเกียบออกจากขวดโหลออกไปเรื่อยๆทีละอันสองอัน พอตะเกียบมีจำนวนน้อยลง ถ้าเขย่าขวด ตะเกียบจะกระแทกกันจนอาจกระเด็นออกไปจากขวดจนหมดเหมือนกับการเขย่าท่อนไม้ไผ่ที่เสียบใบเซียมซีแรงไป

ถ้าไม่มีตะเกียบหลงเหลืออยู่ในขวดเลยก็ไม่ใช่สมาธิแล้ว มันกลายเป็นขวดว่างๆ พอนั่งดูขวดเปล่าๆไปสักพัก จิตจะคิดฝันล่องลอยไปเรื่องอื่น อย่างนี้ไม่ใช่สมาธิ

สมาธิจะเกิดต่อเนื่องกันได้ต่อเมื่อขณะที่หยิบตะเกียบออกไปทีละอัน พร้อมกันนั้นต้องหดปากขวดให้แคบตามลงมาด้วย ให้ปากขวดทำหน้าที่จับตะเกียบให้ตั้งตรงได้ทุกอัน ค่อยๆหยิบตะเกียบออกไปเรื่อยๆ อย่าเผลอหยิบออกไปจนหมดขวดล่ะ ขอให้เหลือตะเกียบไว้แค่ 1 อันในขวดปากแคบๆเท่าตัวตะเกียบนั้น นี่แหละสมาธิ

ถ้าตะเกียบมันเสียบกันไว้ในขวดจนแน่น กว่าจะหาวิธีแคะตะเกียบอันแรกๆออกไปไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องหาทางดึงตะเกียบออกไปทีละอัน ห้ามดึงออกมารวดเดียวเกือบหมด ไม่ใช่ดึงตะเกียบออกไปเร็วบ้างช้าบ้าง แรงที่ใช้ดึงต้องพอดีพอดีด้วยนะ

พอเหลือตะเกียบอันสุดท้าย ต้องจับปากขวดไว้ไม่ให้แรงไปค่อยไป ถ้าจับปากขวดแรงไปจะได้แต่ตะเกียบอันสุดท้ายถูกจับบีบไว้แน่น แต่ถ้าจับค่อยไป เดี๋ยวตะเกียบอาจหลุดออกไปจากขวดโดยไม่รู้ตัว

พอรู้จักวิธีทำให้เหลือตะเกียบเพียงแค่ 1 อันในขวดแล้ว อยากดูลวดลายบนตัวตะเกียบ จะเห็นรายละเอียดของลวดลายอย่างชัดเจน จากนั้นจะเอาตะเกียบอันอื่นหรือสิ่งอื่นมาเปลี่ยนแทนได้ตามใจ

ขั้นตอนการฝึกสมาธิที่ยาก อยู่ที่วิธีหยิบตะเกียบออกไปทีละอันและวิธีรักษาตะเกียบอันสุดท้ายไว้ในขวด

พอฝึกได้แล้วต้องสามารถทำซ้ำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

การฝึกสมาธิ อย่ายึดติดกับวิธีการว่าต้องใช้คำบริกรรมอย่างนั้นอย่างนี้ การฝึกสมาธิเป็นการช่วยให้เรียนรู้วิธีการทำงานของจิต เมื่อฝึกฝนจนเข้าใจว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้จิตตั้งมั่น พอจิตตั้งมั่นแล้วจะหยิบยกอะไรขึ้นมาพิจารณา ย่อมเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน

ปล สาเหตุที่เกิดคำอธิบายเรื่องตะเกียบไปเทียบกับสมาธิ เพราะเล่าเรื่องสมาธินี้ให้กับเพื่อนขณะกำลังรับประทานอาหารเที่ยง เลยคว้าตะเกียบมายกเป็นตัวอย่าง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก

http://www.excelexperttraining.com/forums/content.php?r=350

หรือ Download หนังสือจับหลักสมาธิภาวนา

นับวันอากาศของประเทศไทยยิ่งผันผวนคาดการณ์ได้ยากกว่าแต่ก่อน พอหน้าร้อนก็ร้อนจัดอุณหภูมิขึ้นไป 39 องศาเซลเซียสหรือในห้องฝึกปิงปองที่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศน่าจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่านี้อีก ร้อนเท่านั้นยังพอแต่ยังมีความชื้นสูงอีกด้วย ถ้าสังเกตก้อนกาวปิงปองที่ลอกออกมาปั้นวางไว้ยังเหนียวละลายเยิ้มออกมา จึงไม่แปลกเลยหากนักปิงปองไทยที่อุตส่าห์ฝึกซ้อมกันอย่างหนักกลับตีไม่ออกเมื่อเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ หรือเมื่อต้องแข่งขันในโรงยิมที่ติดเครื่องปรับอากาศก็ตีลูกผิดจังหวะไปหมด

The ideal room temperature of Table Tennis is 15-20°C with a relative humidity of 40-50%. adequate ventilation; any condensation will make the floor slippery and will cause the ball to slide off the racket if youre using reverse rubber. If there are any air conditioning units, youll also need to ensure that they dont cause any air currents which will deflect the flight of the ball.

ด้วยอุณหภูมิที่สูงต่างกันเกือบเท่าตัวระหว่างอุณหภูมิภายนอกของไทยกับมาตรฐานของห้องปิงปอง จะส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักกีฬาทำให้เหนื่อยง่าย เหงื่อออกมากกว่าปกติ ต้องทานน้ำบ่อยขึ้น พอร่างกายต้องเจอกับอุณหภูมิที่ต่างกันกับที่คุ้นเคย หากเดินทางไปแข่งขันแล้วไม่มีเวลาได้ปรับตัวก็ย่อมส่งผลเสียอย่างมาก แค่ความชื้นที่แห้งต่างกันก็จะทำให้เหงื่อที่ไหลออกมานั้นแห้งเร็วขึ้นจนผิวหนังรู้สึกแสบได้ทีเดียว ถ้าห้องมีความชื้นมากก็จะทำให้ลูกปิงปองเปียกจนตีติดเน็ตบ่อยๆและพื้นลื่น ส่วนไม้ปิงปองที่ไม่ได้เป็นไม้ธรรมชาติล้วนแต่แทรกชั้นที่ทำจากวัสดุอื่นก็ย่อมกระเด้งต่างไป

ความร้อนจะทำให้ลูกปิงปองกระเด้งมากกว่าปกติเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้อากาศในลูกปิงปองมีความดันมากขึ้น และความร้อนยังทำให้วัสดุของลูกปิงปอง ยางปิงปอง และกาวที่แปะยางไว้กับไม้ปิงปองเสื่อมสภาพอีกด้วย ความร้อนทำให้ผิวหน้าของยางปิงปองเสียแรงเสียดทาน ส่วนความเย็นจะทำให้ยางแข็งตัวแล้วไม่คืนสภาพเดิมทำให้ความกระเด้งเสียไป ดังนั้นนักปิงปองที่เดินทางไปแข่งขันด้วยเครื่องบินควรนำไม้ปิงปองใส่กระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย ห้ามใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่บรรทุกลงใต้เครื่องบินซึ่งต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่เย็นจัด

เก่งอย่างเดียวไม่พอ วินัยต้องเยี่ยม แข้งทีมชาติที่ โค้ชซิโก้ ต้องการ

"ซิโก้" เกียรติศักดิ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์

"ระเบียบวินัย" เป็นสิ่งที่กุนซือใหญ่ซีเกมส์ มักกำชับกับนักเตะเสมอ และในการเข้าแคมป์เก็บตัวครั้งแรก นักเตะที่อยู่ในแคมป์ต่างก็รู้ดีว่ากุนซือคนนี้มีเน้นเรื่องระเบียบวินัยมากแค่ไหน เริ่มตั้งแต่การแต่งกายที่เสื้อต้องอยู่ในกางเกงตลอดเวลาที่อยู่ในแคมป์ เวลานัดที่ต้องมาให้ตรงเวลา การฝึกซ้อมต้องใส่สนับแข้งและถุงเท้ายาวมา หรือการไปไหนมาไหนก็ต้องไปพร้อมกันเป็นทีมจะแยกหนีออกไปเดินคนเดียวไม่ได้ รวมไปถึงการเจออดีตนักเตะทีมชาติ หรือผู้ใหญ่ ก็ต้องยกมือไหว้ ทำตัวให้อ่อนน้อม ซึ่งนักเตะคนไหนทำผิดระเบียบข้างต้นก็จะต้องถูกทำโทษในทันที เรียกว่าเป็นการฝึกวินัยให้กับนักเตะทีมชาติไปในตัว

นอกจากนี้กุนซือจอมตีลังกา ยังออกกฎเหล็กให้กับแข้งที่คิดจะเดินทางไปพม่า จะต้องไม่เล่นการพนันระหว่างอยู่ในแคมป์ฝึกซ้อม และไม่อนุญาตให้นักเตะสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มมึนเมาไม่ว่าจะอยู่ในแคมป์ หรืออยู่ภายนอกแคมป์ หากพบนักเตะคนไหนที่ประพฤติตัวอย่างนี้ก็จะกาชื่อทิ้งทันที หากไปถามนักเตะอย่าง กวิน ธรรมสัจจานันท์, นูรูล ศรียานเก็ม หรือ นพนนท์ คชพลายุกต์ ก็จะรู้ดีว่า แม่ทัพช้างศึกชุดซีเกมส์เน้นเรื่องระเบียบวินัยเพียงใด

"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังกล่าวทิ้งท้ายเรื่องที่เน้นระเบียบวินัยเป็นพิเศษกับนักเตะชุดนี้ว่า "สำหรับผมเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเรื่องระเบียววินัยผมถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเป็นนักกีฬาเรื่องวินัยต้องมาก่อน ยิ่งเป็นตัวแทนทีมชาติยิ่งต้องมีมากกว่าใครๆ ผมไม่ได้ฝึกให้นักเตะเป็นทหาร แต่สิ่งที่ผมต้องการนอกเหนือจากสอนศาสตร์ลูกหนังแล้วยังต้องสอนการใช้ชีวิตให้กับน้องๆที่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นนักเตะอาชีพ หากไม่มีวินัยเส้นทางในการทำงานอาจจะน้อยลง ที่สำคัญเชื่อว่าวินัยของนักเตะชุดนี้จะพาทีมก้าวสู่เหรียญทอง"

ที่มา www.siamsport.co.th

เห็นนักปิงปองทีมชาติประกาศใน facebook ว่า เจ็บโน่นเจ็บนี่แล้วไม่อยากพัก กลัวฝีมือจะตก จึงต้องเตือนว่า พักบ้างดีกว่า รักษาตัวให้หายก่อนแล้วจึงกลับมาซ้อมใหม่ ถ้าไม่ยอมหยุดพักแล้วฝืนซ้อมแบบเดิมอีก อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่หาย ต้องเข้าผ่าตัดแล้วแผลกลายเป็นพังผืด อดเล่นอย่างถาวรไปเลย

ที่จริงการพักไม่ต้องรอให้เจ็บตัวเสียก่อนหรอกครับ หลังจากการซ้อมทุกครั้งควรพักเสมอเพื่อให้เวลากล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว อย่างน้อยต้องพักเพื่อรอให้หายปวดกล้ามเนื้อ

จะพักเมื่อไหร่ จะพักนานแค่ไหน ช่วงพักจะทำอะไร ขึ้นกับว่าคุณวางแผนฝึกซ้อมเพื่อทำอะไร

การฝึกซ้อมที่ดีต้องทำอย่างจริงจัง ซ้อมอย่างหนัก ใช้เวลาให้คุ้มค่าย่อมดีกว่าการซ้อมแบบขอไปที ถ้าคุณอยากจะเก่งปิงปอง ต้องมุ่งฝึกท่าพื้นฐานให้คล่อง ปรับท่าทางการใช้แต่ละส่วนของร่างกายให้ได้จังหวะ ซ้อมแล้วซ้อมอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่เล่นไปคุยกันไปแถมเปิดเพลงฟังเสียอีก

จำนวนวันที่ใช้ฝึกซ้อมกับการพัก ควรซ้อมให้ได้เกือบทุกวันสัปดาห์หนึ่งมีเวลาพักบ้าง 1 - 2 วัน

ระยะเวลาที่ใช้ฝึกซ้อมแต่ละครั้ง ต้องเลียนแบบสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญเมื่อลงแข่งขัน ทำให้ยากและนานกว่าแข่งจริงเสียอีก แต่เมื่อถึงเวลาพัก ให้พักไม่เกิน 1 นาทีแล้วต้องกลับมาฝึกซ้อมต่อ เพราะในการแข่งขันจะยอมให้พักได้ระหว่างเกมได้แค่ 1 นาทีเท่านั้น

ระยะเวลาพักระหว่างการฝึกซ้อมเล่นแต่ละลูก ต้องไม่ปล่อยให้มีเวลาหยุดคิด เพราะเวลาแข่งจริงกรรมการจะเตือนถ้าใครทำท่าจะถ่วงเวลา

นักปิงปองหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มฝึกซ้อมอย่างหนัก อาจกำหนดช่วงจำนวนวันในการฝึกซ้อม 2 - 3 สัปดาห์ติดต่อกันแล้วปล่อยให้พักติดต่อกัน 7 วัน จากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนวันให้มากขึ้นและมีจำนวนวันที่ปล่อยให้พักน้อยลง จนในที่สุดให้ซ้อมอย่างหนักติดต่อกันหลายวันจนถึงวันแข่งขันโดยไม่ต้องมีวันพัก ทดสอบดูว่าร่างกายและจิตใจแข็งแกร่งขึ้นไหม พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการแข่งขันได้ตลอดเวลาหรือไม่

ในวันที่หยุดพักนั้นอาจปล่อยให้ใช้ชีวิตตามสบายจะทำอะไรก็ได้ หรือถ้าอยากจะมาฝึกซ้อมก็ขอให้ซ้อมเบาๆ เล่นปิงปองกับเด็กหน้าใหม่ ลองท่าอะไรใหม่ๆ ที่สำคัญของการพัก คือ ต้องรู้สึกสบายๆ มีความสุขที่ได้พัก ไม่เครียด

อย่าลืมว่าการฝึกซ้อมจะเกิดผลที่ดี ต่อเมื่อเป็นการฝึกซ้อมอย่างถูกวิธี ในช่วงพักควรหาความรู้เรื่องการเล่นปิงปองจากการดูวิดีโอ อ่านตำราปิงปอง หรือใช้เวลาคิดวางแผนปรับปรุงการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้น

 

 

"ปิดหน้าไม้ให้มากขึ้น"

"อย่าเปิดหน้าไม้อย่างนั้นซิ"

"ออกแรงตีให้เร็วกว่านี้อีก"

แน่เลยว่าหลายคนที่เล่นปิงปองต้องเคยได้รับคำแนะนำแบบนี้มาก่อน เป็นคำแนะนำง่ายๆที่ใครๆก็คิดกันได้เพราะถ้าตีลูกออกก็ต้องปิดหน้าไม้ให้มากขึ้น ถ้าตีรับลูกบนโต๊ะแล้วโด่งไปก็ต้องปรับมุมหน้าไม้อย่าหงายเกินไป ถ้าตีแล้วไม่ถึงเน็ตก็ต้องออกแรงตีมากขึ้น ถ้าจะสู้กับลูกหมุนก็ต้องตีหมุนให้มากกว่าลูกที่ลอยมา เด็กๆก็ตอบได้

หากเป็นคำแนะนำของโค้ชกำลังให้การฝึกสอนนักปิงปองอยู่ก็ว่าไปอย่างเพราะเขากำลังฝึกซ้อมท่าใดท่าหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ถ้าเป็นคำแนะนำของคนดูที่อยู่ดีๆก็ทำไม้ทำมือพร้อมกับอุตส่าห์ออกเสียงให้คำแนะนำแบบนี้ล่ะก้อ ผู้ให้คำแนะนำควรคิดให้ดี คิดให้ละเอียด มองเหตุการณ์ให้รอบคอบก่อนดีกว่า แม้จะทำไปด้วยความหวังดีก็ตามเพราะอาจกลายเป็นการดูถูกฝีมือกันและเป็นการก่อกวนทำให้เสียสมาธิที่เขากำลังมุ่งมั่นแข่งขันกันอยู่

 

123bounce

 

ปิงปองเป็นกีฬาที่มีเหตุและผลของตัวเอง ถ้าลูกที่ลอยมาเป็นลูกท้อปสปินหมุนจัดมามากๆ โดยทั่วไปมักแนะนำให้ปิดหน้าไม้เยอะๆจะได้กันไม่ให้ลูกกระเด้งกลับไปลอยสูงเกินไปจนไม่ลงโต๊ะ ซึ่งจะเป็นไปได้ต่อเมื่อทำไปในจังหวะที่ลูกกำลังกระเด้งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด หากตีลูกในจังหวะที่กำลังตกลงแล้วดันปิดหน้าไม้มากไปแล้วไม่ได้ปรับวงสวิงตามไปด้วยก็จะทำให้ตีลูกติดเน็ต

ถ้ากำลังเล่นกับยางเม็ดแล้วตีลูกหมุนไปหาเขา ลูกที่ลอยกลับมาก็จะเป็นลูกที่หมุนฝีมือของตัวเองย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดังนั้นการฝึกเล่นเพื่อเอาชนะยางเม็ดที่ส่งลูกไม่แรงข้ามมา ต้องไม่ตั้งหน้าไม้ปิดนักหรือแทบจะตั้งฉากเสียด้วยซ้ำแล้วใช้วงสวิงผลักลูกกลับไปแบบไม่หมุนและไม่แรงมาก เพื่อทำให้คนที่เล่นยางเม็ดต้องเดินเข้ามาใกล้โต๊ะและออกแรงของเขาเองตีกลับมา อย่าใช้แรงตีไปให้เขาอาศัยแรงของเราย้อนกลับมา ดังนั้นจะมองง่ายๆแล้วให้คำแนะนำเหมือนกับการเล่นกับยางเรียบจึงไม่เหมาะ

คำแนะนำจะไร้ความหมายหากเหตุการณ์นั้นไม่ได้เกิดซ้ำอีก นักปิงปองต้องคอยอ่านลูกที่คู่ต่อสู้ส่งมาแบบลูกต่อลูก ไม่ใช่ว่าจะยึดคำแนะนำที่บอกให้แก้อย่างนั้นปรับแบบนี้แต่ไม่เหมาะกับลูกที่ลอยมาต่างแบบไปจากเดิม

Go to top