แนวของวงสวิงเป็นปัญหาหนึ่งที่นักปิงปองมือใหม่มักสงสัยกันว่าเวลาเหวี่ยงไม้ตีลูก top spin ต้องเหวี่ยงจากไหนไปไหน ต้องเริ่มจากระดับไหนใต้โต๊ะ เหนือโต๊ะ แล้วไปหยุดไม้ที่ตรงไหน ผู้ฝึกสอนมักแนะนำให้ฝึกใช้วงสวิงคงที่ บอกให้เหวี่ยงไม้ในแนว 45 องศาบ้าง หรือเหวี่ยงจากล่างขึ้นบนให้ตั้งฉากให้มากที่สุดบ้าง แต่มักลืมแนะนำว่าแล้วหน้าไม้ต้องทำมุมอย่างไรด้วย

 

swing

จากภาพนี้แนววงสวิงแบบ A ให้ความรุนแรงสู้แบบ B ไม่ได้

  • วงสวิงแบบ A มักใช้กับการตี Loop ซึ่งมุ่งในการปั่นลูกให้หมุน top spin มากๆ
  • วงสวิงแบบ B มักใช้กับการตี Drive ซึ่งต้องการตีลูกแรงกลับไป

ทั้งนี้มิใช่ว่าแนววงสวิงแบบ B จะมีความหมุนน้อยกว่าวงสวิงแบบ A เพราะถ้าปรับมุมหน้าไม้ให้คว่ำขนานกับแนววงสวิงแล้วเหวี่ยงไม้ปั่นที่หัวลูกให้ลูกหมุนแบบ top spin พร้อมกับการเหวี่ยงไม้ให้เร็ว จะทำให้ได้ลูกที่ตีโต้กลับได้แรง เร็ว และหมุนมากพร้อมกันไป

แนววงสวิงแบบ A เหมาะกับการโต้กลับลูกที่ตีมาแบบ back spin ถ้าโต้กลับลูกที่ back spin หนักก็จะปรับมุมหน้าไม้ให้หงายมากและตีให้โดนลูกในจุดที่ต่ำกว่ากลางลูกลงไปจนถึงจุดใต้ลูก ยิ่งโต้กลับลูกหมุนหนักมากก็ต้องยิ่งปรับแนวสวิงให้ตั้งฉากกับพื้นมากขึ้น หงายไม้มากขึ้น และโดนใต้ลูกมากขึ้น

อย่างไรก็ตามนักปิงปองที่ชำนาญนิยมใช้วงสวิงในแบบเดิมมากกว่าที่จะเปลี่ยนแนววงสวิงไปเรื่อยๆ โดยใช้การปรับมุมหน้าไม้และเลือกตีลูกในทุกจังหวะให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นช่วงลูกกระเด้งขึ้น ลูกกระเด้งสูงสุด หรือจังหวะที่ลูกย้อยลงมา เพื่อทำให้คู่ต่อสู้อ่านท่าทางไม่ออกและคาดการณ์ลูกที่ตีโต้กลับไปได้ยาก นอกจากนี้ต้องฉวยโอกาสขณะที่ลูกยังลอยสูงกว่าเน็ตเพื่อทำให้วิถีของลูกปิงปองที่วิ่งลอยกลับไปต้องเลียดเน็ตหรือมีวิถีที่โค้งลงทันทีที่ลูกปิงปองกระเด้งออกจากไม้ (ไม่ใช่ตีลูกช้าต่ำกว่าเน็ตที่มีวิถีโค้งขึ้นแล้วโค้งลงแบบย้อยๆซึ่งเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้บุก)

ที่สำคัญวงสวิงแบบ A ที่ลากไม้จากใต้โต๊ะขึ้นมา จะใช้งานได้เฉพาะลูกที่ยาวกว่าโต๊ะเท่านั้น แต่ถ้าเจอลูกสั้นบนโต๊ะก็เหวี่ยงไม้ไม่ได้แรงแล้วเพราะจังหวะอัดแรงเหวี่ยงไปข้างหลังไม่ได้มาก พื้นโต๊ะกลายเป็นกำแพงขวางไม่ให้เหวี่ยงลงไปได้เลย ส่วนวงสวิงแบบ B ใช้งานได้ดีกว่ามาก สามารถตีลูกสั้นลูกยาวได้เสมอ อธิบายแบบนี้แล้วตอบได้ไหมว่า ควรฝึกเหวี่ยงวงสวิงแบบไหนดีกว่ากัน

Copyright of www.TableTennisTip.com - www.facebook.com/TableTennisTip/

Go to top